คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 876/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะผู้อนุบาล ส. ปรากฏว่า ส. ตายระหว่างคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลอุทธรณ์ ดังนี้ ความตายของส. อันมีผลให้ความเป็นผู้อนุบาลของ ส. สิ้นสุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1572,1581 ในเวลาภายหลัง ย่อมไม่ทำให้สิทธิหน้าที่ของโจทก์ที่ได้มีอยู่ในขณะฟ้องเปลี่ยนแปลงไป โจทก์ในฐานะผู้อนุบาลของ ส. มาแต่เริ่มใช้สิทธิเรียกร้องคดีนี้ จึงยังมีสิทธิและอำนาจที่จะฎีกาหลังการตายของ ส.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2510ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นายเสิด สุวรรณพิบูลย์ บิดาโจทก์ป่วยเป็นอัมพาต และนางทองใบ สุวรรณพิบูลย์ มารดาโจทก์ซึ่งได้รักษาพยาบาลดูแลนายเสิด สุวรรณพิบูลย์ จนได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างแรง เป็นเหตุให้จิตไม่สมประกอบ จำเลยซึ่งเป็นหลานของบุคคลทั้งสองได้ใช้อุบายด้วยประการต่าง ๆ ให้นางทองใบตกลงขายสินบริคณห์ คือหุ้นในบริษัทธนนครขนส่ง จำกัด จำนวน 263 หุ้น และรถยนต์โดยสารจำนวน 20 คัน ให้จำเลย นางทองใบหลงเชื่อจำเลย ได้ทำสัญญาขายหุ้นและรถยนต์ดังกล่าวให้จำเลย ไปในราคา 1,229,108.90 บาท แล้วจำเลยกับพวกได้นำสัญญานั้นไปใช้วิธีการต่าง ๆ ให้นายเสิด ลงชื่อในสัญญานายเสิด ได้ลงชื่อในสัญญาให้จำเลยไปโดยไม่สามารถจะรู้ได้ว่าเป็นสัญญาซื้อขาย ทั้งไม่สามารถให้ความยินยอมแก่นางทองใบในการทำนิติกรรมด้วย โจทก์จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอเป็นผู้อนุบาลนายเสิดศาลแพ่งได้มีคำสั่งในคดีหมายเลขแดงที่ 1686/2512 ว่า นายเสิด เป็นบุคคลไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความอนุบาลของโจทก์ โจทก์ได้ทำหนังสือบอกล้างนิติกรรมไปยังจำเลยจึงขอศาลได้พิพากษาว่า สัญญาซื้อขายหุ้นและรถยนต์ฉบับลงวันที่ 12 สิงหาคม2510 ระหว่างนายเสิดและนางทองใบผู้ขาย กับนายวุฒิชัย จันทร์รุ่งสกุล จำเลยผู้ซื้อเป็นโมฆะ ขอให้เพิกถอน และให้จำเลยคืนทรัพย์สินตามฟ้องแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า ขณะทำสัญญาซื้อขายหุ้นและรถยนต์รายพิพาทนายเสิด ยังมีอาการรู้สึกผิดชอบเป็นปกติดี ส่วนนางทองใบก็ยังสามารถจัดกิจการงานต่าง ๆ ได้ตามปกติ ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ปัญหาข้อแรกตามข้อแก้ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะ ผู้อนุบาลของนายเสิด ปรากฏว่านายเสิด ได้ตายเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2515ซึ่งขณะนั้นคดียังค้างพิจารณาอยู่ในศาลอุทธรณ์ โจทก์ย่อมหมดฐานะความเป็นผู้อนุบาลและไม่มีอำนาจฎีกาต่อมานั้น ศาลฎีกาเห็นว่า นายศุภชัย ในฐานะผู้อนุบาลนายเสิด ได้ฟ้องจำเลย ฉะนั้นการตายของนายเสิด อันมีผลให้ความเป็นผู้อนุบาลของนายศุภชัยสิ้นสุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1572,1581 ในเวลาภายหลังย่อมจะไม่ทำให้สิทธิและหน้าที่ของนายศุภชัยที่ได้มีอยู่ในขณะฟ้องเปลี่ยนแปลงไป นายศุภชัย ในฐานะผู้อนุบาลนายเสิด มาแต่เริ่มใช้สิทธิเรียกร้องในคดีเรื่องนี้ จึงยังมีสิทธิและอำนาจที่จะฎีกาหลังการตายของนายเสิด

ส่วนข้อเท็จจริงนั้น ศาลฎีกาฟังว่า นายเสิด ทำสัญญารายพิพาทในขณะที่มีสติสัมปชัญญะดี นายเสิดหาได้ป่วยเป็นคนวิกลจริตไม่มีความรู้สึกผิดชอบในขณะทำสัญญาไม่ สัญญาซื้อขายหุ้นและรถยนต์พิพาทจึงมีผลบังคับได้

พิพากษายืน

Share