แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ได้เช่าที่สวนจากจำเลย กองทหารญี่ปุ่นได้ยกเข้าตั้งในที่สวนรายนี้ ห้ามมิให้โจทก์เกี่ยวข้องและออกไปจากที่สวนชั่วคราว ต่อมากองทหารญี่ปุ่นได้ออกจากสวน และได้จ่ายเงินค่าเสียหายไว้ เมื่อไม่ปรากฏว่า ในที่นั้นได้มีต้นไม้ผลไม้ หรือพื้นที่เสียหายแต่ประการใด ดังนี้ต้องถือว่า เงินค่าเสียหายนั้น เป็นของโจทก์ผู้เช่าซึ่งเป็นผู้ครอบครองสวนที่ต้องขาดประโยชน์ในการเก็บผลไม้ในที่สวนนั้น
ย่อยาว
ความว่า โจทก์ได้เช่าสวนจากจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมฤดก ม.ร.ว.สุวพรรณ โดยไม่มีกำหนดเวลา เมื่อเดือนมีนาคม ๒๔๘๘ กองทหารญี่ปุ่นได้ยกเข้าตั้งในที่สวนรายนี้ ห้ามมิให้โจทก์เกี่ยวข้อง และให้โจทก์ออกไปจากที่สวนรายนี้ชั่วคราว จนเดือนกันยายน ๒๔๘๘ กองทหารญี่ปุ่นจึงได้ออกจากสวนรายนี้ไป และโจทก์ได้เข้าครอบครองต่อมาจนบัดนี้ โจทก์ทราบว่า กองทหารญี่ปุ่นได้จ่ายเงินค่าเสียหายไว้ให้โจทก์เป็นจำนวน ๑๔๒๐ บาท ๗๐ สตางค์ โจทก์ไปขอรับจากอำเภอดุสิตแล้ว แต่จำเลยไปคัดค้านไม่ยอมให้อำเภอจ่าย โดยอ้างว่าเป็นของจำเลย โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ขึ้น ขอให้แสดงว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าเสียหายของโจทก์ ห้ามมิให้จำเลยขัดขวางในการที่โจทก์จะรับไป จำเลยให้การว่า เงินที่โจทก์ฟ้องนี้เป็นเงินชดใช้ค่าเสียหายสำหรับค่าที่ดิน และไม้ยืนต้นของเจ้าของกรรมสิทธิ คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นพิจารณาจ่ายเงินจำนวนนี้เห็นว่า โจทก์ควรได้รับค่าชดใช้เพียง ๑๖๓ บาท ๗๐ สตางค์ อันค่าไม้ล้มลุก ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายรายนี้ พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า เงินจำนวนนี้เป็นของโจทก์ และมิให้จำเลยขัดขวางโจทก์ในการที่โจทก์จะขอรับเงิน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อไม่ปรากฎว่าในที่นั้นได้มีต้นไม้ผลไม้หรือพื้นที่เสียหายแต่ประการใด โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าชอบจะได้รับเงินจำนวนนี้ เพราะเป็นผู้ครอบครองและต้องขาดประโยชน์ในการเก็บผลไม้ในที่
พิพากษายืน