คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หน้าโฉนดที่ดินมีชื่อผู้ถือกรรมสิทธิหลายคน เบื้องต้นต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าทุกคนมีส่วนกรรมสิทธิเท่า ๆ กัน ผู้ใดอ้างว่าตนมีส่วนมากกว่าผู้อื่นมีหน้าที่นำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานนี้ให้สมกับข้ออ้างของตน

ย่อยาว

ได้ความว่าที่ดิน ๔ แปลงพร้อมทั้งยุ้งข้าวและครัวไฟ มีชื่อโจทก์จำเลยทั้ง ๙ คน ฝ่ายโจทก์อ้างว่าโจทก์จำเลยทั้ง ๙ คนนี้มีส่วนในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเท่า ๆ กัน เพราะต่างออกเงินเป็นส่วนเท่า ๆ กันรับซื้อไว้ ฝ่ายจำเลยเถียงว่าพวกโจทก์มีส่วนในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพียงส่วนเดียว จำเลยทั้ง ๒ มีคนละส่วน
ศาลชั้นต้นฟังการพิจารณาว่าที่ดิน ๔ แปลงนี้โจทก์จำเลยได้ซื้อไว้จากการขายทอดตลาดของศาลรวมราคา ๗๔๖๕ บาท พวกโจทก์ออกเงินซื้อไว้ ๓๐๘๗.๕๒ บาท จำเลย ๓๗๔๖.๑๖ บาท จึงพิพากษาให้โจทก์จัดการขายทอดตลาดทรัพย์เหล่านี้ได้เงินเท่าใดให้แบ่งให้พวกโจทก์จำเลยตามส่วน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แก้ไขฉะเพาะให้ประมูลราคาในระหว่างโจทก์จำเลยก่อน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่าคดีนี้โดยปกติจะต้องแบ่งที่ดินให้โจทก์จำเลยรวม ๙ คน ๆ ละส่วนเท่า ๆ กัน เพราะต่างฝ่ายต่างลงชื่อในหน้าโฉนดโดยมิได้จดทะเบียนแบ่งส่วนไว้ ฝ่ายใดจะอ้างว่าตนมีส่วนมากกว่าที่ควรจะเป็นตามชื่อในหน้าโฉนดก็ต้องนำสืบให้ปรากฎเช่นนั้น จึงจะแก้ข้อสันนิษฐานในหน้าโฉนดนั้นได้ ฝ่ายจำเลยเถียงคัดค้านว่าโจทก์ทั้ง ๗ คนมี ๑ ใน ๓ ส่วนแห่งกรรมสิทธิในทรัพย์รายพิพาทจึงมีหน้าที่นำสืบ เมื่อฝ่ายจำเลยนำสืบลบล้างข้อสันนิษฐานไม่ สำเร็จแล้วก็หาใช่หน้าที่โจทก์จะสืบอย่างใดต่อไปไม่ ศาลล่างทั้ง ๒ วินิจฉัยเป็นผลดีแก่จำเลยมากแล้ว จึงพิพากษายืนให้ยกฎีกาจำเลยเสีย

Share