คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8755/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทราบแล้วว่าที่ดินพิพาทผู้ร้องกับจำเลยถือกรรมสิทธิ์รวมกันและจำเลยจำนองเฉพาะส่วนของตนไว้แก่โจทก์ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าของใครอยู่ส่วนใด โจทก์จึงนำยึดทั้งแปลง ในชั้นยื่นคำคัดค้านโจทก์ก็ยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่คัดค้านว่า การขอกันส่วนเป็นที่ดินตามเนื้อที่ในคำร้องเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ชอบที่ผู้ร้องจะต้องไปขอกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินในภายหลัง แต่ในชั้นไต่สวนโจทก์กลับสละสิทธิตามคำคัดค้าน โดยแถลงต่อศาลว่าโจทก์ได้เจรจากับจำเลยแล้ว ไม่ติดใจที่จะคัดค้านการขอกันส่วนของผู้ร้อง แสดงว่าโจทก์ยอมให้ผู้ร้องกันส่วนที่ดินที่ผู้ร้องอ้างว่าครอบครองเป็นส่วนสัดตามคำร้องออกไปจากการบังคับคดีได้ โดยไม่ต้องรอรับเงินกันส่วนหลังจากการขายทอดตลาด ต่อมาเมื่อผู้ร้องขอให้เจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่พิพาทแบ่งแยกที่ดินออกเป็น 2 ส่วนเท่ากัน โดยผู้ร้องตกลงเอาส่วนด้านตะวันออก จำเลยตกลงเอาส่วนด้านตะวันตก โจทก์ก็แถลงรับต่อศาลว่าตรงตามที่พิพาทกัน อันแสดงถึงการยอมรับในความถูกต้องของการแบ่ง อีกทั้งเมื่อผู้ร้องอุทธรณ์และฎีกาขอให้กันส่วนที่ดินตามคำร้อง โจทก์ก็ไม่ยื่นคำแก้อุทธรณ์และคำแก้ฎีกา ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับที่จะให้มีการบังคับคดีเฉพาะที่ดินส่วนที่ตกลงให้เป็นของจำเลย โดยกันส่วนที่ดินที่ตกลงให้เป็นของผู้ร้องออกจากการบังคับคดี

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 4,996,061.53 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14.50 ต่อปี ของต้นเงิน 4,291,896.53 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้ผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละไม่น้อยกว่า 55,000 บาท ทุกวันที่ 13 ของเดือน นับแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2546 เป็นต้นไป และชำระให้เสร็จภายใน 1 ปี หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนอง คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 2151 และ 2214 ตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาด หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ ต่อมาจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินจำนองทั้งสองแปลง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งกันส่วนของผู้ร้องจากที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว
โจทก์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ระหว่างไต่สวน โจทก์แถลงไม่ติดใจคัดค้านการขอกันส่วนของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้กันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองแปลงที่โจทก์ยึดไว้ให้แก่ผู้ร้องกึ่งหนึ่ง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ก่อนศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกา นายสนิท ผู้ร้องถึงแก่ความตาย นายสมบุญ ทายาทยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องจะขอกันส่วนที่ดินด้านทิศตะวันออกที่ตกลงให้เป็นของผู้ร้องออกจากการบังคับคดีได้หรือไม่ เห็นว่า ตามสำเนาคำแถลงและสำเนาคำขอยึดทรัพย์ของผู้แทนโจทก์ลงวันที่ 9 มกราคม 2547 โจทก์ทราบแล้วว่า ที่พิพาททั้งสองแปลงมีผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมและจำเลยจำนองเฉพาะส่วนของตน แต่เนื่องจากไม่สามารถบอกได้ว่าของใครอยู่ส่วนใด โจทก์จึงขอยึดทั้งแปลง ในชั้นยื่นคำคัดค้านโจทก์ก็ยอมรับในข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่คัดค้านว่าการจะขอกันส่วนเป็นที่ดินตามเนื้อที่ที่ผู้ร้องยื่นคำร้องนั้นเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตชอบที่ผู้ร้องจะต้องไปขอกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองแปลงในภายหลังแต่ต่อมาในชั้นไต่สวนโจทก์กลับสละสิทธิตามคำคัดค้านโดยแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าโจทก์ได้เจรจากับฝ่ายจำเลยแล้ว ไม่ติดใจที่จะคัดค้านการขอกันส่วนของผู้ร้อง แสดงว่าโจทก์ยอมให้ผู้ร้องกันส่วนที่ดินที่ผู้ร้องอ้างว่าครอบครองเป็นส่วนสัดตามคำร้องออกไปจากการบังคับคดีได้ โดยไม่ต้องรอรับเงินกันส่วนหลังจากมีการขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองแปลง ต่อมาเมื่อมีการทำแผนที่พิพาทแบ่งส่วนที่ผู้ร้องและจำเลยจะได้รับแล้ว ทนายโจทก์ก็แถลงรับตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2548 ว่าตรงตามที่พิพาทกัน อันแสดงถึงการยอมรับในความถูกต้องของการแบ่งครั้นศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง และผู้ร้องอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับเป็นกันส่วนที่ดินในส่วนที่ตกลงให้เป็นของผู้ร้องตามแผนที่พิพาท โจทก์ก็ไม่ยื่นคำแก้อุทธรณ์ ในชั้นฎีกาผู้ร้องฎีกาขอให้บังคับตามคำร้องเหมือนเดิม โจทก์ก็ไม่ยื่นคำแก้ฎีกาอีก จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ยอมรับที่จะให้มีการบังคับคดีขายทอดตลาดเฉพาะที่ดินส่วนที่ตกลงให้เป็นของจำเลยตามแผนที่พิพาท โดยกันส่วนที่ดินที่ตกลงให้เป็นของผู้ร้องออกไปซึ่งไม่เป็นการเสียหายแก่โจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจึงสมควรให้ผู้ร้องกันส่วนที่ดินที่เป็นของผู้ร้องตามแผนที่ออกจากการบังคับคดีตามขอ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งให้ยกคำร้องขอกันส่วนที่ดินของผู้ร้องนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้กันส่วนที่ดินที่เป็นของผู้ร้องตามแผนที่พิพาทก่อนนำที่ดินพิพาททั้งสองแปลงออกขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share