แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ในกรณีที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ขายฝากนำยึดทรัพย์ที่ขายฝากแต่หลุดเป็นสิทธิของผู้ซื้อฝากแล้วนั้น หากก่อนการขายทอดตลาด ผู้ซื้อฝากมาคัดค้านว่าทรัพย์ที่ขายทอดตลาดเป็นของตน ผู้ซื้อรู้แล้วยังขืนซื้อไป ถือว่าผู้ซื้อ ซื้อการขายทอดตลาดโดยไม่สุจริตและแม้จะจดทะเบียนโดยชอบแล้วก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1300
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับซื้อฝากบ้านไม้ ๒ ชั้นไว้จากนางชดเป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท ได้จดทะเบียน+ขายฝาที่อำเภอบางรัก บัดนี้พ้นกำหนดไถ่ถอน บ้านจึงเป็นของโจทก์ ต่อมาวันที่ ๒๙ มิ.ย.๙๘ จำเลยที่ ๑ +นำยึดบ้านหลังนี้ กองหมายขายทอดตลาด จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ซื้อได้ราคา ๖,๑๐๐ บาท การนำยึดและการขายทอดตลาด จำเลยที่ ๑ และกองหมายมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบและมิได้ปฏิบัติการไปตามระเบียบและกฎหมาย +จำเลยที่ ๒ ซื้อจากการขายทอดตลาดไว้โดยไม่สุจริต +จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าบ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้เพิกถอนการซื้อขายทอดตลาด
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า บ้านเป็นของนางชด ๆ +ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ไม่ชำระหนี้ จึงขอให้ศาลยึดขายทอดตลาด โจทก์ไม่คัดค้านการยึดและการขายทอดตลาดเป็นความผิดของโจทก์
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ฟ้องเคลือบคลุม จำเลยชี้ไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ย่อมได้กรรมสิทธิ์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาฟังว่า บ้านพิพาทเดิมเป็นของนางชด ๆ ขายฝากไว้แก่โจทก์ จดทะเบียนขายฝากที่อำเภอบางรักและไม่ได้ไถ่ถอนคืนตามกำหนด บ้านจึงหลุดเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ส่วนการที่จำเลยที่ ๒ ได้ซื้อบ้านพิพาทไว้จากการขายทอดตลาดและจดทะเบียนโดยชอบนั้น เมื่อโจทก์ได้มาคัดค้านต่อเจ้าพนักงานก่อนจะเคาะไม้ให้จำเลยที่ ๒ และมีผู้สู้ราคา ๒-๓ คนรวมทั้งจำเลยก็รู้และเห็นอยู่การสู้ราคากันทั้ง ๆ ที่รู้ว่าบ้านพิพาทไม่ใช่ของจำเลยผู้แพ้คดี จึงถือว่าจำเลยที่ ๒ ได้ซื้อจากการขายทอดตลาดด้วยความไม่สุจริตและจะยก ป.พ.พ.มาตรา ๑๓๐๐ มาคุ้มครองไม่ได้
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าบ้านพิพาทเป็นของโจทก์ ให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่กรมการอำเภอบางรักทำให้แก่จำเลยที่ ๒