แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยว่า การคำนวณทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์จะต้องคำนวณจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันตามข้อหาของการผิดสัญญาเล่นแชร์แต่ละวงโดยทุนทรัพย์ที่พิพาทกันสำหรับแชร์วงแรก มีจำนวน 42,787.23 บาท ต้องถือว่าอุทธรณ์ของโจทก์สำหรับแชร์วงแรกเป็นคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน 50,000 บาท ต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง อุทธรณ์ของโจทก์เกี่ยวกับแชร์วงแรกเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ส่วนอุทธรณ์ในดอกเบี้ยค้างชำระเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง เพราะหนี้ประธานต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแล้วศาลอุทธรณ์ภาค 7 จึงไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์สำหรับแชร์วงแรก การที่โจทก์เพียงยื่นคำแก้ฎีกาว่า ขอให้ศาลฎีกาพิจารณาใหม่ โดยพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 บังคับให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ตามคำขอท้ายฟ้อง ซึ่งคำแก้ฎีกาของโจทก์ไม่มีผลเป็นการฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ดังนั้น เมื่อโจทก์และจำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งในประเทศดังกล่าว คดีสำหรับแชร์วงแรกจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยให้การต่อสู้ในเรื่องอายุความว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าแชร์วงที่สองจัดตั้งเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2532 แล้วแชร์ล้มก่อนครบกำหนด โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องจากจำเลยนับแต่แชร์ล้ม แต่โจทก์กลับนำคดีมาฟ้องเป็นเวลาเกิน 10 ปี คดีโจทก์ขาดอายุความซึ่งมีกำหนด 5 ปี คำให้การของจำเลยมิได้แสดงให้ชัดแจ้งว่าหนี้ส่วนดอกเบี้ยค้างชำระซึ่งเกินกว่า 5 ปี ขาดอายุความ เป็นคำให้การที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง ถือว่าจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ในประเด็นเรื่องดอกเบี้ยค้างชำระขาดอายุความ ทั้งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่รับวินิจฉัยปัญหาเรื่องอายุความดอกเบี้ยค้างชำระสำหรับแชร์วงที่สองนั้นชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยซึ่งเป็นนายวงแชร์ชำระเงิน 162,334.73 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 101,700 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ (ที่ถูก ต้องพิพากษาแก้) ให้จำเลยชำระเงินค่าแชร์วงที่สองให้โจทก์ 118,566.16 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 77,500 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 10 มิถุนายน 2542) จนกว่าชำระเสร็จ ค่าฤชาธรรมเนียมแชร์วงที่สองระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสองศาลให้เป็นพับ และยกอุทธรณ์โจทก์สำหรับแชร์วงแรก คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์สำหรับแชร์วงแรกทั้งหมดแก่โจทก์
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์สำหรับแชร์วงแรกโดยวินิจฉัยว่า การคำนวณทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์จะต้องแยกคำนวณจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันตามข้อหาของการผิดสัญญาเล่นแชร์แต่ละวง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันสำหรับแชร์วงแรกมีจำนวน 42,787.23 บาท ต้องถือว่าอุทธรณ์ของโจทก์สำหรับแชร์วงแรกเป็นคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน 50,000 บาท ต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง อุทธรณ์ของโจทก์เกี่ยวกับแชร์วงแรกเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ส่วนอุทธรณ์ในดอกเบี้ยค้างชำระเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง เพราะหนี้ประธานต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 7 จึงไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์สำหรับแชร์วงแรก โจทก์เพียงแต่ยื่นคำแก้ฎีกาในทำนองว่า โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ขอให้ศาลฎีกาพิจารณาคดีนี้ใหม่โดยพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 บังคับให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ตามคำขอท้ายฟ้อง ซึ่งคำแก้ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวไม่มีผลเป็นการฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ดังนั้น เมื่อโจทก์และจำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ในประเด็นดังกล่าว คดีสำหรับแชร์วงแรกจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องโจทก์
คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า จำเลยต้องรับผิดชำระค่าแชร์วงที่สองให้แก่โจทก์หรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้นำสืบว่าแชร์วงที่สองแต่ละงวดมีการประมูลให้ดอกแชร์เดือนละเท่าใด ในทางปฏิบัติจะไม่มีผู้ประมูลโดยให้ดอกแชร์สูงกว่าค่าแชร์แต่ละงวด เมื่อข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์ปรากฏว่าโจทก์ไม่ได้ส่งเงินค่าแชร์วงที่สองให้แก่จำเลย แม้โจทก์ประมูลแชร์ได้ในวันที่ 25 มกราคม 2534 โจทก์ก็ไม่มีสิทธิได้รับเงินจากการประมูลแชร์ เพราะโจทก์ไม่ได้ส่งค่าแชร์นั้น เห็นว่า สำหรับแชร์วงที่สอง จำเลยให้การต่อสู้เป็นประเด็นในคำให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาโดยไม่ยอมส่งเงินค่าแชร์ภายหลังจากที่ประมูลแชร์ได้ ฎีกาของจำเลยดังกล่าวที่ยกข้อต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ได้ส่งเงินค่าแชร์ก่อนที่โจทก์จะประมูลแชร์ได้จึงเป็นฎีกาในเรื่องที่เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ยื่นคำให้การไว้ เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์นำสืบไม่สมข้ออ้างว่าจำเลยเป็นหนี้ค่าแชร์วงที่สองตามฟ้องนั้น เห็นว่า สำหรับความรับผิดในค่าแชร์วงที่สองโจทก์มีหลักฐานการชำระเงินค่าแชร์ของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 กับรายละเอียดคำนวณหนี้ค่าแชร์ทั้งสามหุ้นตามเอกสารหมาย จ.7 ถึง จ.9 มาแสดง โดยจำเลยไม่ได้นำสืบโต้แย้งความถูกต้องของเอกสารดังกล่าว ทั้งจำเลยยังเบิกความเป็นพิรุธโดยเบิกความตอนแรกว่า โจทก์ประมูลแชร์และได้รับเงินค่าแชร์ไปครบถ้วนแล้ว แต่ต่อมากลับเบิกความว่า โจทก์ประมูลแชร์ได้แต่ได้รับเงินค่าแชร์ไม่ครบพยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักให้รับฟังดีกว่าพยานจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยค้างชำระค่าแชร์วงที่สองตามเอกสารการคำนวณหนี้ค่าแชร์หมาย จ.7 ถึง จ.9 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ค่าแชร์วงที่สองตามฟ้องแก่โจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
จำเลยฎีกาข้อสุดท้ายว่า หนี้ส่วนดอกเบี้ยค้างชำระสำหรับแชร์วงที่สองซึ่งเกินกว่า 5 ปี ขาดอายุความแล้ว นั้น เห็นว่า จำเลยให้การต่อสู้ในเรื่องอายุความว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า แชร์วงที่สองจัดตั้งเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2532 แล้วแชร์ล้มก่อนครบกำหนด โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องจากจำเลยนับแต่แชร์ล้ม แต่โจทก์กลับนำคดีมาฟ้องเป็นเวลาเกิน 10 ปี คดีโจทก์ขาดอายุความซึ่งมีกำหนด 5 ปี คำให้การของจำเลยมิได้แสดงให้ชัดแจ้งว่าหนี้ส่วนดอกเบี้ยค้างชำระซึ่งเกินกว่า 5 ปี ขาดอายุความ เป็นคำให้การที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง ถือว่าจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ในประเด็นเรื่องดอกเบี้ยค้างชำระขาดอายุความ ทั้งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่รับวินิจฉัยปัญหาเรื่องอายุความดอกเบี้ยค้างชำระสำหรับแชร์วงสองนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
อนึ่ง ยอดหนี้ค่าแชร์วงที่สองของโจทก์จำนวนสามหุ้นกับดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องคำนวณรวมยอดเงินได้ 119,547.50 บาท แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาให้จำเลยชำระแก่โจทก์เพียง 118,566.16 บาท เมื่อโจทก์มิได้ฎีกาและกรณีมิใช่การผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อย จึงไม่มีเหตุที่จะแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ดังกล่าว”
พิพากษายืน