คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8712/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลย หากจำเลยไม่พอใจคำสั่งดังกล่าว จำเลยมีสิทธิที่จะดำเนินการตามที่ ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่หรือวรรคห้าบัญญัติไว้ โดยยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน หรืออุทธรณ์คำสั่งชั้นต้นที่ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยนั้นต่อศาลอุทธรณ์ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว ซึ่งแม้จำเลยมีสิทธิที่จะเลือกดำเนินกระบวนพิจารณาเช่นนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ แต่เมื่อจำเลยได้อุทธรณ์คำสั่งนั้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคห้าแล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เพราะยื่นเกินกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง จำเลยก็จะกลับมาขอให้ศาลพิจารณาคำขอนั้นใหม่ เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่ อีกไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 5,237,923.81 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี จากต้นเงิน 3,399,976.41 บาท นับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2541 ซึ่งเป็นวันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบ ให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 48721 ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินจำนวนสุทธิไม่พอ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่า จำเลยยังพอมีเงินเสียค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ได้ จำเลยมิได้ยากจนจริง จึงให้ยกคำร้องของจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเกินกำหนด 7 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้า จึงไม่รับคำร้องของจำเลย
ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยเลือกใช้สิทธิในการอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้จำเลยดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาแล้ว จึงไม่สามารถเลือกกลับมาใช้สิทธิขอให้พิจารณาคำร้องขอดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้อีก ยกคำร้อง หากจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์ ให้นำค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ หากจำเลยประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ให้นำเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์มาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 15 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษา
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลย และจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นนั้นแล้ว จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนได้อีกหรือไม่ เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลย หากจำเลยไม่พอใจคำสั่งดังกล่าว จำเลยมีสิทธิที่จะดำเนินการตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่หรือวรรคห้า บัญญัติไว้ โดยยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนหรืออุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยนั้นต่อศาลอุทธรณ์ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว ซึ่งแม้จำเลยมีสิทธิที่จะเลือกดำเนินกระบวนพิจารณาเช่นนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยได้เลือกอุทธรณ์คำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้า แล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เพราะยื่นเกินกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง จำเลยก็จะกลับมาขอให้ศาลพิจารณาคำขอนั้นใหม่ เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ อีกไม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ หากจำเลยประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์มาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษานี้

Share