คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10059/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 18 (เดิม) ที่ใช้บังคับในขณะนั้นบัญญัติว่า “เจ้าของร่วมต้องร่วมกันออกค่าใช้จ่ายที่เกิดจากบริการส่วนรวม และที่เกิดจากเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ตามส่วนแห่งประโยชน์ที่มีต่อห้องชุด… เจ้าของร่วมต้องร่วมกันออกค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดูแลรักษาและการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลาง…” และตามข้อบังคับนิติบุคคลโจทก์ กำหนดให้เจ้าของร่วมต้องชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางด้วยเช่นกัน ดังนั้น จำเลยจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายและข้อบังคับที่จะต้องชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง มิใช่หน้าที่ที่เกิดจากสัญญา จึงไม่ใช่เรื่องสัญญาต่างตอบแทน เมื่อไม่ปรากฏข้อสัญญายกเว้นการชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางไว้เป็นพิเศษ จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ไม่จัดสถานที่จอดรถในอาคารชุดให้เป็นข้ออ้างว่าจำเลยมีสิทธิไม่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง โดยถือว่าเป็นเรื่องสัญญาต่างตอบแทนหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 636,878.33 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 410,447.24 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 410,447.24 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 147,712.40 บาท นับแต่วันที่ 10 มกราคม 2544 ของต้นเงิน 65,683.71 บาท นับแต่วันที่ 12 เมษายน 2544 ของต้นเงิน 65,683.71 บาท นับแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2544 ของต้นเงิน 65,683.71 บาท นับแต่วันที่ 10 กันยายน 2544 และของต้นเงิน 65,683.71 บาท นับแต่วันที่ 10 มกราคม 3545 (ที่ถูกเป็น 2545) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 7,500 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 65,683.71 บาท นับแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2544 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามที่คู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งรับฟังในเบื้องต้นว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลอาคารชุด ใช้ชื่อว่านิติบุคคลอาคารชุดอโศก เพลช มีวัตถุประสงค์ในการจัดการดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลางของอาคารชุดอโศก เพลช เรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่วนกลาง เพื่อจัดการดูแลให้บริการแก่เจ้าของร่วม จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดเลขที่ 38/260 ในอาคารชุดดังกล่าว จำเลยไม่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางแก่โจทก์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2543
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยต้องชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางให้แก่โจทก์หรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้จัดทรัพย์ส่วนกลางคือสถานที่จอดรถให้แก่จำเลยตามบันทึกข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด ทำให้จำเลยไม่ได้ใช้ประโยชน์ในที่จอดรถ จึงไม่ต้องชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 18 (เดิม) ที่ใช้บังคับในขณะนั้น บัญญัติว่า “เจ้าของร่วมต้องร่วมกันออกค่าใช้จ่ายที่เกิดจากบริการส่วนรวมและที่เกิดจากเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ตามส่วนแห่งประโยชน์ที่มีต่อห้องชุด ทั้งนี้ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ…เจ้าของร่วมต้องร่วมกันออกค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดูแลรักษาและการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลาง…”และมาตรา 17 บัญญัติว่า “การจัดการและการใช้ทรัพย์ส่วนกลาง ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้และตามข้อบังคับ” ซึ่งตามข้อบังคับนิติบุคคลอาคารชุดอโศก เพลช กำหนดให้เจ้าของร่วมต้องชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางไว้ด้วย ดังนั้น จำเลยจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายและข้อบังคับที่จะต้องชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางซึ่งเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย มิใช่หน้าที่ที่เกิดจากสัญญาจึงมิใช่เรื่องสัญญาต่างตอบแทนดังที่จำเลยอ้าง เมื่อไม่ปรากฏข้อสัญญายกเว้นการชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางไว้เป็นพิเศษ จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาคือ ไม่จัดสถานที่จอดรถในอาคารชุดให้ เป็นข้ออ้างว่าจำเลยมีสิทธิไม่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง โดยถือว่าเป็นเรื่องสัญญาต่างตอบแทนหาได้ไม่ และหากจำเลยเห็นว่าโจทก์ปฏิบัติผิดหน้าที่อย่างใด เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องไปว่ากล่าวเป็นอีกกรณีหนึ่ง ซึ่งปรากฏว่าจำเลยก็ได้ฟ้องโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่ง และศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์จัดที่สำหรับจอดรถประจำให้แก่จำเลย กับให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายด้วยแล้ว ซึ่งจำเลยสามารถบังคับคดีแก่โจทก์ตามคำพิพากษาดังกล่าวได้ต่างหาก จำเลยจึงยังคงต้องรับผิดชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ค้างชำระให้แก่โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share