คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า
คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรประจำจังหวัดนครพนมอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 ได้ประกาศระบุให้น้ำมันก๊าดเป็นสิ่งของต้องห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควร โดยได้กำหนดราคาสูงสุดไว้แล้วตามสำเนาประกาศท้ายฟ้อง จำเลยบังอาจค้ากำไรเกินควรโดยขายน้ำมันก๊าดให้นายทองไป 1 ลิตรราคา 2 บาท เกินราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ 50 สตางค์ ดังนี้ ตามข้อความในฟ้อง พอเข้าใจได้แล้วว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบังอาจกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศ แม้โจทก์จะมิได้ระบุในฟ้องว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้วฟ้องของโจทก์ก็สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรประจำจังหวัดนครพนม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 ได้ประกาศระบุให้น้ำมันก๊าสเป็นสิ่งของที่ต้องห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควร โดยได้กำหนดราคาสูงสุดไว้แล้วตามสำเนาท้ายฟ้อง จำเลยได้บังอาจขายน้ำมันก๊าสให้แก่นายทองไป 1 ลิตร เป็นราคา 2 บาท เกินกว่าราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ 50 สตางค์ ขอให้ลงโทษ จำเลยให้การปฏิเสธ และยื่นคำร้องขอให้ศาลชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้น ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องขาดองค์ความผิด ฟ้องโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ พิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์จะมิได้ระบุในฟ้องว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้วแต่ตามข้อความในฟ้องดังกล่าว ก็พอเข้าใจได้แล้วว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบังอาจกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศโดยขายน้ำมันก๊าสเกินกว่าราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับนั้นส่วนข้อที่ว่าจำเลยได้กระทำการฝ่าฝืนประกาศโดยทราบประกาศนั้นแล้วหรือไม่ เพียงไรนั้น เป็นเรื่องจะต้องว่ากันในชั้นพิจารณา

พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่

Share