คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3466/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีที่เป็นการไม่แน่ว่าการกระทำผิดอาญาได้กระทำในท้องที่ใดในระหว่างหลายท้องที่ พนักงานสอบสวน ในท้องที่หนึ่งท้องที่ใดที่เกี่ยวข้องมีอำนาจสอบสวนได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 19 วรรคสอง เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ชัดแจ้งว่าเหตุในคดีนี้เกิดในท้องที่ใดแน่ ระหว่างอำเภอบัวใหญ่ กับอำเภอแก้งสนามนาง จังหวัดนครราชสีมา พนักงานสอบสวนท้องที่หนึ่งท้องที่ใดดังกล่าวย่อมมีอำนาจสอบสวนได้ แต่ตามวรรคสาม (ก) ของมาตรา 19 ดังกล่าวระบุว่า พนักงานสอบสวนที่เป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนคือพนักงานสอบสวนซึ่งท้องที่ที่จับผู้ต้องหาได้อยู่ในเขตอำนาจ ดังนั้น เมื่อปรากฏว่า จำเลยถูกจับได้ที่อำเภอแก้งสนามนาง โดยมีสารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบัวใหญ่ กับเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอบัวใหญ่อีกหลายนายเป็นผู้ร่วมจับกุม พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีนี้ คือพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอแก้งสนามนาง มิใช่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบัวใหญ่ เมื่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบัวใหญ่ซึ่งมิใช่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ เป็นผู้สรุปสำนวนและ ทำความเห็นว่า ควรสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องจำเลยคดีนี้ แล้วส่งสำนวนเพื่อให้พนักงานอัยการพิจารณาตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา 140 และ 141 ก็ถือไม่ได้ว่ามีการสอบสวนในความผิดนั้นโดยชอบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๙๑, ๓๓, ๓๗๑ พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาทำและมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้าน โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ส่วนข้อหาพยายามฆ่าให้การว่ากระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์อ้างว่าคดีนี้ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ชัดแจ้งว่าเหตุเกิดขึ้นในท้องที่ใดแน่ ระหว่างอำเภอบัวใหญ่ กับอำเภอแก้งสนามนาง ซึ่งตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง ได้บัญญัติให้พนักงานสอบสวนในท้องที่สองอำเภอมีอำนาจ ทำการสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบัวใหญ่ โดยพันตำรวจตรี ว. พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนจำเลยในคดีนี้แล้วก็เท่ากับว่ามีการสอบสวนจำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๒๐ แล้ว ซึ่งรวมถึงมีอำนาจในการทำความเห็นสั่งฟ้องและสั่งไม่ฟ้อง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๔๐ และ ๑๔๑ แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า กรณีดังกล่าว พนักงานสอบสวนในท้องที่หนึ่งท้องที่ใดที่เกี่ยวข้องมีอำนาจสอบสวนได้ ตามมาตรา ๑๙ วรรคสอง แต่ตามวรรคสาม (ก) ของมาตราดังกล่าวระบุไว้ชัดว่า พนักงานสอบสวนที่เป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนคือพนักงานสอบสวนซึ่งท้องที่ ที่จับผู้ต้องหาได้อยู่ในเขตอำนาจสำหรับคดีนี้ปรากฏว่า จำเลยถูกจับกุมได้ที่บ้านผู้ใหญ่บ้านโสกน้ำขุ่น หมู่ที่ ๘ ตำบลโนนสำราญ อำเภอแก้งสนามนาง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีพันตำรวจตรี ว. สารวัตรสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอบัวใหญ่ กับเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอบัวใหญ่อีกหลายคนเป็นผู้ร่วมจับกุม ฉะนั้นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีนี้ คือพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอแก้งสนามนาง มิใช่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบัวใหญ่ เมื่อพันตำรวจตรี ว. ซึ่งมิใช่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเป็นผู้สรุปสำนวนและทำความเห็นว่าควรสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องจำเลยคดีนี้แล้วส่งไปพร้อมสำนวนเพื่อให้พนักงานอัยการพิจารณาตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา ๑๔๐ และ ๑๔๑ ก็ถือไม่ได้ว่าได้มีการสอบสวนในความผิดนั้นโดยชอบ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๒๐ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน .

Share