คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำรับของผู้ต้องหาต่อนายสิบและพลตำรวจที่บันทึกขึ้นไว้ หาผูกมัดผู้นั้นในชั้นศาลไม่ เพราะตำรวจผู้บันทึกไม่ใช่พนักงานสอบสวน
ฟ้องหาว่า จำเลยเจตนาขนย้ายข้าวภายในเขตต์จังหวัดเดียวกัน แต่เป็นการขนย้ายทางทะเล ดังนี้ ย่อมไม่เป็นผิดตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489 มาตรา 10,13 เพราะมิได้เป็นการขนย้ายออกนอกเขตต์ที่กำหนดไว้.
(อ้างฎีกาที่ 637/2492)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยขนย้ายข้าวทางทะเลโดยใช้เรือใบบันทุกจากตำบลปากพูนอำเภอเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าเขตต์ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษ จำเลยที่ ๑ รับสารภาพว่าขนย้ายข้าวจริง จำเลยที่ ๒ ปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ ๑๐ ปีตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว ๒๔๘๙ มาตรา ๑๐,๑๓ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉะบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๘๙ มาตรา ๖ ของกลางริบ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลดโทษจำเลยที่ ๑ คงจำคุก ๖ ปี ๘ เดือน ยกฟ้องจำเลยที่ ๒
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เอกสารที่นายสิบและพลตำรวจบันทึกคำรับของจำเลยที่ ๒ ก็หาผูกมัดจำเลยที่ ๒ ไม่ เพราะนายสิบและพลตำรวจไม่ใช่เจ้าพนักงานสอบสวน หากได้จัดทำขึ้นโดยพลการ สำหรับนายเอี่ยมจำเลย ตามฟ้องปรากฎว่า จำเลยเจตนาขนย้ายข้าวภายในเขตต์จังหวัดเดียวกัน แต่เป็นการขนย้ายทางทะเล จึงเห็นว่าเมื่อการขนย้ายของนายเอี่ยมจำเลยมิได้เป็นการขนย้ายออกนอกเขตต์ที่กำหนดไว้ นายเอี่ยมจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา ๑๐,๑๓ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว ๒๔๘๙ นายเอี่ยมจำเลยมีผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ๒๔๘๘ มาตรา ๑๐
พิพากษาแก้ ให้จำคุกนายเอี่ยมจำเลย ๑ ปี ๔ เดือน ตาม ก.ม.ดังกล่าว โดยลดฐานรับสารภาพแล้ว นอกจากนั้นยืนตามศาลอุทธรณ์.

Share