แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤตติการณ์ที่การนำสืบไม่ผิดประเด็นในฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีที่ดินตามโฉนดที่ ๘๔๙๘ โจทก์ได้ปลูกกอไผ่แลขุดบ่อน้ำในที่นี้ จำเลยนำเจ้าพนักงานปักหลักเขตต์รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ จึงขอให้รื้อถอนและห้ามอย่าให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องในที่ดินรายนี้
จำเลยให้การว่าได้นำเจ้าพนักงานปักหลักในเขตต์ที่ดินตามโฉนดของจำเลยหาได้รุกล้ำที่ดินของโจทก์ไม่
ศาลเดิมฟังว่าที่วิวาทอยู่ในเขตต์โฉนดของจำเลยจริง แต่จำเลยไม่ได้ปกครอง โจทก์ได้ครอบครองมากว่า ๑๐ ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิ จึงพิพากษาห้ามจำเลยไม่ให้เกี่ยวข้องในที่รายวิวาท
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยรุกที่ดินในเขตต์โฉนดของโจทก์เมื่อปรากฎว่าจำเลยไม่ได้รุกที่ดินในเขตต์โฉนดของโจทก์ก็ชื่อว่าพิจารณาไม่สม จะไปวินิจฉัยว่าโจทก์ปกครองกว่า ๑๐ ปี มาตัดสินไม่ชอบด้วยประเด็นแห่งคดี เพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่โจทก์ปกครองจึงพิพากษาให้ยกฟอ้ง
ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นส่วนใหญ่อยู่ที่ว่าที่รายพิพาทนี้โจทก์ถือตนว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ การที่โจทก์บรรยายถึงโฉนดก็เป็นแต่คำกล่าวอ้างว่าตนมีหลักฐานเป็นโฉนดด้วยเท่านั้น อนึ่งคำบรรยายฟ้องที่ว่าโจทก์ปลูกกอไผ่แลขุดบ่อน้ำในที่นี้ก็เป็นข้อชี้โดยพฤตติการณ์ว่าโจทก์ปกครอง หากแต่ไม่ใช้คำตรง ทั้งจำเลยก็สืบโต้แย้งว่าที่นี้เป็นของตน เป็นอันว่าทั้งสองฝ่ายต่างนำสืบตามประเด็นตรงกันแล้ว และโจทก์ก็สืบได้ว่าโจทก์ได้ครอบครองโดยปรปักษ์มากว่า ๑๐ ปีแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลเดิม