คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8647/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

อ. ก. และ ป. เจ้ามรดกทั้งสามรายมีทรัพย์สินอันเป็นมรดกร่วมกัน คือที่ดินน.ส. 3 ที่จังหวัดมหาสารคาม ย่อมถือได้ว่าคำร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกทั้งสามรายดังกล่าวมีมูลความแห่งคดีเกี่ยวข้องกันพอที่พิจารณารวมกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 5 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกของ อ. และ ก. ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดมหาสารคามในขณะที่ถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 4 จัตวา และขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกของ ป. ซึ่งไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดมหาสารคามมาในคำร้องเดียวกันได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นมารดาของนางอุดม ช่างยันต์หรือเมืองประทุม นายประเวชหรือประเวทย์ ช่างยันต์ และนายเกตุ ช่างยันต์ เจ้ามรดกบุคคลทั้งสามมีสิทธิครอบครองที่ดิน น.ส. 3 ทะเบียนการครอบครองเลขที่ 157 ตำบลมะค่า อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับบุตรคนอื่น ๆ ของผู้ร้องต่อมาบุคคลทั้งสามถึงแก่ความตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมและไม่ได้แต่งตั้งผู้จัดการมรดก สิทธิครอบครองในที่ดินดังกล่าวเฉพาะส่วนของนางอุดม นายประเวชหรือประเวทย์และนายเกตุ เจ้ามรดกตกได้แก่ผู้ร้องกับทายาทอื่น ขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของบุคคลทั้งสาม และยื่นคำร้องว่า นายประเวชหรือประเวทย์ช่างยันต์ ถึงแก่ความตายที่ตำบลโคกกว้าง อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดหนองคาย ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดบึงกาฬ แต่ทรัพย์มรดกที่นายประเวชหรือประเวทย์มีสิทธิร่วมกับเจ้ามรดกรายอื่นอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดมหาสารคาม)เพื่อความสะดวกในการพิจารณาจึงขออนุญาตยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายประเวชหรือประเวทย์รวมกันมากับคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนางอุดมและนายเกตุ

ในชั้นแรกศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนางอุดม นายประเวชหรือประเวทย์และนายเกตุรวมกันมาได้และกำหนดนัดไต่สวนพยานผู้ร้อง แต่เมื่อถึงวันนัดไต่สวนศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 จัตวา วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า คำร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกให้เสนอต่อศาลที่เจ้ามรดกมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลในขณะถึงแก่ความตาย เมื่อนายประเวชหรือประเวทย์ ช่างยันต์ เจ้ามรดกคนหนึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดหนองคาย ผู้ร้องจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกของนายประเวชหรือประเวทย์ต่อศาลนี้ได้ ให้เพิกถอนคำสั่งรับคำร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกของนายประเวชหรือประเวทย์ และมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับคำร้องขอรายดังกล่าว ส่วนคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกรายอื่นให้รับคำร้องเช่นเดิม

ผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอของผู้ร้องในส่วนที่ขอเป็นผู้จัดการมรดกนายประเวชหรือประเวทย์ชอบหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 จัตวา วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติให้ศาลที่เจ้ามรดกมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลและในขณะถึงแก่ความตายเป็น ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคำร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดก เมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องขอว่านางอุดมและนายเกตุเจ้ามรดกมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดมหาสารคามอันเป็นศาลชั้นต้นในขณะที่ถึงแก่ความตาย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับคำร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกของบุคคลทั้งสองไว้เพื่อทำการไต่สวนจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าคำร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกของนายประเวชหรือประเวทย์ เจ้ามรดกอีกคนหนึ่งไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะรับไว้พิจารณา เนื่องจากนายประเวชหรือประเวทย์มีภูมิลำเนาอยู่ในท้องที่จังหวัดหนองคาย ในขณะถึงแก่ความตายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ผู้ร้องอาจใช้สิทธิยื่นคำร้องขอให้แต่งตั้งผู้จัดการมรดกของนายประเวชหรือประเวทย์ เป็นอีกคดีหนึ่งได้ที่ศาลชั้นต้นแห่งอื่น อันเป็นศาลที่นายประเวชหรือประเวทย์มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลในขณะถึงแก่ความตายก็ตามแต่กรณีก็ต้องปรับด้วย มาตรา 5 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่บัญญัติว่า “คำฟ้องหรือคำร้องขอซึ่งอาจเสนอต่อศาลได้สองศาลหรือกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะภูมิลำเนาของบุคคลก็ดี เพราะที่ตั้งของทรัพย์สินก็ดี เพราะสถานที่ที่เกิดมูลคดีก็ดี หรือเพราะมีข้อหาหลายข้อก็ดี ถ้ามูลความแห่งคดีเกี่ยวข้องกัน โจทก์หรือผู้ร้องจะเสนอคำฟ้องหรือคำร้องขอต่อศาลใดศาลหนึ่งเช่นว่านั้นได้”เมื่อข้อเท็จจริงเบื้องต้นปรากฏจากคำร้องขอว่า เจ้ามรดกทั้งสามรายมีทรัพย์สินอันเป็นมรดกร่วมกัน คือ ที่ดิน น.ส. 3 ทะเบียนการครอบครองเลขที่ 157 ตำบลมะค่า อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ย่อมถือได้ว่าคำร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกทั้งสามรายดังกล่าวมีมูลความแห่งคดีเกี่ยวข้องกันพอที่พิจารณารวมกันได้ ผู้ร้องชอบที่จะยื่นคำร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกของนางอุดม นายประเวชหรือประเวทย์และนายเกตุต่อศาลชั้นต้นได้โดยอาศัยบทบัญญัติดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอของผู้ร้องที่ขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกของนายประเวชหรือประเวทย์จึงไม่ถูกต้อง อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้รับคำร้องขอของผู้ร้องที่ขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกของนายประเวชหรือประเวทย์ เจ้ามรดกไว้ดำเนินการต่อไป

Share