คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองผู้ตายมาก่อน แม้ภรรยาผู้ตายซึ่งเป็นน้องสาวจำเลยได้มาบอกจำเลยว่าทะเลาะกับผู้ตายและผู้ตายได้ยิงปืนขู่ก็ตาม แต่ผู้ตายไม่ได้ทำร้ายภรรยาจึงไม่น่าจะเป็นเหตุถึงกับทำให้จำเลยต้องการฆ่าผู้ตายในขณะนั้น ทั้งปรากฏว่าภรรยาผู้ตายให้จำเลยไปเอากระบือที่ห้างนามาไว้ที่บ้าน การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนไปด้วย อาจเพราะเป็นเวลามืดค่ำจึงเอาไปเพื่อป้องกันตัว และก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายได้มีการพูดจาทักทาย กันก่อนแล้ว จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย หาได้ยิงในทันทีที่พบผู้ตายไม่ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยคิดฆ่าผู้ตายมาแต่ต้นจึงไม่เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนเดี่ยวลูกซองยาวขนาด 12 จำนวน1 กระบอก ซึ่งไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้และกระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 2 นัด โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายและได้พาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในทางสาธารณะในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 32, 33, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ประหารชีวิต และฐานมีกับพาอาวุธปืนจำคุกกระทงละ 3 ปีลดโทษให้หนึ่งในสาม เมื่อรวมทุกกระทงความผิดแล้วให้จำคุกไว้ตลอดชีวิต ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 18 ปี ฐานมีอาวุธปืนจำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน รวม 19 ปี 6 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 13 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าตัวจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองผู้ตายมาก่อน ที่นางสายพานภรรยาผู้ตายซึ่งเป็นน้องสาวจำเลยมาบอกว่าทะเลาะกับผู้ตายและผู้ตายได้ยิงปืนขู่นั้น ผู้ตายก็ไม่ได้ทำร้ายนางสายพานแต่อย่างใด ไม่น่าจะเป็นเหตุถึงกับทำให้จำเลยต้องการฆ่าผู้ตายในขณะนั้น และยังปรากฏว่านางสายพานให้จำเลยไปเอากระบือที่ห้างนามาไว้ที่บ้านด้วย การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนไปด้วย อาจเพราะเป็นเวลามืดค่ำแล้ว จำเลยอาจเอาไปเพื่อป้องกันตัวก็ได้ นอกจากนั้นยังปรากฏจากคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยเอกสารหมาย ป.จ.4 อีกว่า ก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายยังได้มีการพูดจาทักทายก่อนแล้วจำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย หาได้ยิงในทันทีที่พบผู้ตายไม่ เช่นนี้ ข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยคิดฆ่าผู้ตายมาแต่ต้น การกระทำผิดของจำเลยไม่เป็นดังที่โจทก์ฎีกา คำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์อ้างมานั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share