แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เมื่อผู้เอาประกันรถยนต์ได้บอกกล่าวการโอนรถที่เอาประกันภัยไว้กับผู้รับประกันภัยให้แก่ตัวแทนของผู้รับประกันภัยทราบแล้ว แม้จะเป็นการบอกกล่าวด้วยวาจาก็ถือว่าผู้รับประกันภัยทราบแล้วเช่นเดียวกัน สิทธิอันมีอยู่ในสัญญาประกันย่อมโอนตามไปยังผู้รับโอนรถยนต์ด้วยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 875 วรรคสอง ผู้รับประกันภัยจึงต้องร่วมรับผิดตามสัญญาประกันภัยนั้น.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ขับรถยนต์ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นเจ้าของและจำเลยที่ 4 เป็นผู้รับประกันภัยโดยประมาททำให้รถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยอีกคันหนึ่งเสียหาย โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสี่ใช้เงิน89,500 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 4 ให้การและแก้ไขคำให้การว่า ไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวน80,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…เหตุที่เกิดรถชนกันเป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 มีปัญหาในชั้นฎีกาเพียงประเด็นเดียวว่า จำเลยที่ 4 จะต้องร่วมรับผิดด้วยหรือไม่ จำเลยที่ 3 เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า นายซัว รุ่งเรืองชัยศรี เป็นตัวแทนประกันภัยของจำเลยที่ 4 และมีสำนักงานอยู่ที่อำเภอชุมแพ เมื่อจำเลยที่ 3ขายรถให้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ได้ไปบอกให้นายซัวทราบแล้วด้วยวาจา นายสุภร ตีรวนิช และนายประพันธ์ ยวนางกูร พยานจำเลยก็เบิกความว่า นายซัวเป็นตัวแทนประกันภัยของจำเลยที่ 4ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่านายซัวเป็นตัวแทนประกันภัยของจำเลยที่ 4 คำเบิกความของจำเลยที่ 3 ที่ว่าได้แจ้งการขายรถให้นายซัวตัวแทนประกันภัยทราบแล้วนั้นมีเหตุผลฟังได้ว่าเป็นความจริงเพราะรถที่ขายได้เอาประกันภัยไว้ในวงเงินที่สูงเมื่อมีการประกันภัยเข้ามาเกี่ยวข้องจำเลยที่ 3 ย่อมต้องแจ้งให้นายซัวตัวแทนประกันภัยทราบ เพราะสำนักงานตัวแทนบริษัทประกันภัยตั้งอยู่ในท้องถิ่นเดีววกับจำเลยที่ 3 ทั้งหลังจากเกิดเหตุแล้วได้ความจากนายสุภรพยานจำเลยด้วยว่า จำเลยที่ 4ได้จ่ายเงินให้แก่รถที่เอาประกันภัย 4,000 บาท โดยไม่โต้แย้งข้ออ้างของจำเลยที่ 4 ว่าไม่เคยได้รับแจ้งเรื่องการโอนรถ หากมีการแจ้งต้องมีการเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในกรมธรรม์ประกันภัย เห็นว่าเป็นข้ออ้างลอยๆ ทั้งการที่ยังไม่มีการเปลี่ยนชื่อไม่ใช่เหตุผลที่ยืนยันว่าจำเลยที่ 4 ไม่ทราบ เมื่อมีการแจ้งให้ทราบด้วยวาจาแก่ตัวแทนของจำเลยที่ 4 แล้ว หากจำเลยที่ 4 ไม่ทราบก็เป็นเรื่องระหว่างตัวการกับตัวแทนของจำเลยที่ 4 เอง ใช้ยันบุคคลภายนอกไม่ได้ จึงเป็นข้ออ้างที่ไม่มีน้ำหนัก ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 ผู้เอาประกันภัยได้บอกกล่าวการโอนรถที่เอาประกันภัยให้แก่ตัวแทนของจำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยทราบแล้วแม้จะบอกกล่าวด้วยวาจาก็ถือว่าจำเลยที่ 4 ทราบแล้วเช่นเดียวกัน สิทธิอันมีอยู่ในสัญญาประกันภัยนั้นย่อมโอนตามไปด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 875 วรรคสอง จำเลยที่ 4 จึงต้องร่วมรับผิดตามสัญญาประกันภัยนั้น…’
พิพากษายืน.