แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นฟ้องที่มีคำบรรยายที่เขียนฟุ่มเฟือย ศาลสั่งให้ไปทำมาใหม่ใน 7 วัน โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม ศาลย่อมสั่งไม่รับคำฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ยื่นคำฟ้อง โดยมีคำบรรยายฟ้องยืดยาว 17 หน้า ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์บรรยายฟ้องฟุ่มเฟือยเกินไป ให้ไปทำมาใหม่ภายใน 3 วัน
โจทก์ทำคำฟ้องมาใหม่และยื่นภายในกำหนด แต่ยังมีข้อความยาวถึง 10 หน้าศาลชั้นต้นสั่งว่า “คำฟ้องไม่ใช่บทประพันธ์ ใจความตามคำฟ้องนี้เมื่อสรุปแล้วเพียง 2-3 หน้าเป็นอย่างมากก็สมบูรณ์ เป็นคำฟ้องที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่โจทก์ยังบรรยายอย่างฟุ่มเฟือยถึง 10 หน้า บรรจุสิ่งที่ไร้สาระไว้ด้วย ทำให้ศาลอ่านและตรวจลำบาก จึงให้ทำมาใหม่ภายใน 7 วัน”
โจทก์ไม่ปฏิบัติตามที่ศาลกำหนด ศาลชั้นต้นอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 มีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์คำบรรยายฟ้อง 10 หน้ากระดาษนั้นแล้ว เห็นว่าสารสำคัญของฟ้องนี้ คือ โจทก์อ้างว่าการที่จำเลยที่ 1 กับพวกได้รับเงินซึ่งโจทก์จำต้องจ่ายไปเพราะศาลฎีกาตัดสินเป็นค่าเสียหายเดือนละ 1,500 บาท รวมเป็นเงิน 48,332.58 บาท นั้นเป็นการไม่ถูกต้องและไม่มีมูลที่จะรับไว้ได้ เพราะจำเลยที่ 1 กับนายมนัสเบิกความต่อศาลปิดบังความจริง แท้จริงศาลฎีกาควรพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายเพียงเดือนละ 500 บาทเท่านั้นสารสำคัญของฟ้องมีเพียงเท่านี้ แต่โจทก์ได้บรรยายเล่าเรื่องเดิมที่จำเลยที่ 1เคยฟ้องโจทก์โจทก์ให้การอย่างไร ฟ้องแย้งอย่างไร ตลอดจนศาลฎีกาตัดสินอย่างไรยืดยาวจนเกินควร จึงเป็นคำฟ้องที่เขียนฟุ่มเฟือยซึ่งศาลชั้นต้นได้สั่งให้ทำมาใหม่ภายใน 7 วัน โจทก์ก็มิได้ปฏิบัติตามศาลชั้นต้นจึงสั่งไม่รับฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการถูกต้องแล้ว
พิพากษายืน