คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8615/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คดีนี้โจทก์ทั้งสองบรรยายฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยโดยกล่าวหาว่าจำเลยเอาความอันเป็นเท็จฟ้องโจทก์ทั้งสองต่อศาล โดยประสงค์จะให้โจทก์ทั้งสองรับโทษทางอาญา ทำให้โจทก์ทั้งสองเสียหายเพราถูกฟ้องคดีอาญา จึงเป็นการฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา โจทก์ทั้งสองยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ส่วนคดีนี้เป็นการฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดมีโทษตาม ป.อ. จึงต้องใช้อายุความทางอาญาซึ่งยาวกว่ามาบังคับ ซึ่งตามบทมาตราที่จำเลยถูกฟ้องว่ากระทำผิดอาญานั้น มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี คดีนี้จึงมีอายุความ 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ เมื่อคดียังมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองหรือไม่ โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยเพียงใด ซึ่งศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยและเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
อนึ่ง อุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายของโจทก์เช่นนี้ เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า จำเลยได้อาความอันเป็นเท็จฟ้องโจทก์ทั้งสองว่ากระทำความผิดอาญาข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์คำร้อง ทำนองเพลง “พื้นเมืองอีสาน” และ “คนหลังยังคอย” โดยประสงค์ที่จะให้โจทก์ทั้งสองรับโทษทางอาญา ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง จำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายืน คดีถึงที่สุด การกระทำของจำเลยดังกล่าวทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การ โจทก์ทั้งสองมิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นมูลละเมิดภายในเวลา 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ทั้งสองทราบมูลเหตุตามฟ้องข้ออ้างว่าจำเลยทำละเมิดคดีโจทก์ทั้งสองจึงขาดอายุความ ฟ้องโจทก์ทั้งสองเคลือบคลุม จำเลยร่วมลงทุนกับนักประพันธ์เพลงโดยการสร้างสรรค์เพลง “พื้นเมืองอีสาน” และ “คนหลังยังคอย” ต่อมานักประพันธ์ได้โอนลิขสิทธิ์เพลงทั้งสองให้แก่จำเลยเป็นผู้ถือสิทธิ์เพียงผู้เดียว โจทก์ทั้งสองไม่ได้รับความเสียหาย จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีโจทก์ทั้งสองขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าคดีโจทก์ทั้งสองขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ทั้งสองบรรยายาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยโดยกล่าวหาว่า จำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มมาตรา 175 โดยเอาความอันเป็นเท็จฟ้องโจทก์ทั้งสองต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์คำร้องทำนองเพลง “พื้นเมืองอีสาน” และ “คนหลังยังคอย” โดยประสงค์จะให้โจทก์ทั้งสองรับโทษทางอาญา ทำให้โจทก์ทั้งสองเสียหายเพราะถูกฟ้องคดีอาญา คำฟ้องของโจทก์ทั้งสองดังกล่าวจึงเป็นการฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อคดีฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสองยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ส่วนคดีนี้เป็นการฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดมีโทษตามประมวลกฎหมายอาญา จึงต้องใช้อายุความทางอาญาซึ่งยาวกว่ามาบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคสอง ซึ่งตามบทมาตราที่จำเลยถูกฟ้องว่ากระทำผิดอาญานั้น มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 (3) ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2545 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2549 ยังไม่เกินกำหนด 10 ปี คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย คดียังมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยกระทำละเมิดโจทก์ทั้งสองหรือไม่ โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยเพียงใด ซึ่งศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยและเป็นปัญหาข้อเท็จจริง มิใช่ข้อกฎหมายที่ขึ้นมาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาโดยตรง ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยปัญหาในคดีให้สิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (1) ประกอบมาตรา 247 อนึ่ง อุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายของโจทก์เช่นนี้เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 1 ข้อ 2 (ก) ปรากฏว่าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลเกินมา จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินให้แก่โจทก์”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่ยังไม่ได้วินิจฉัยแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่ ค่าขึ้นศาลที่ชำระเกินมาในชั้นนี้ให้คืนแก่โจทกทั้งสอง

Share