คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ป.ในข้อหาฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายว่า ป. ขับรถยนต์มาด้วยความเร็วปกติและได้ลดความเร็วลงเมื่อถึงทางโค้ง พอรถแฉลบผู้ตายสะดุ้งตื่นร้องโวยวาย และคว้ามือ ป. เป็นเหตุให้รถแฉลบจากถนนพลิกคว่ำ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมอ้างว่าเป็นบุตรผู้ตาย ได้ยื่นฟ้องป. เป็นคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหายเนื่องจาก ป. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้มารดาผู้ร้องถึงแก่ความตาย และได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญาที่ ป.เป็นจำเลยดังกล่าวเช่นนี้ ผู้ร้องเป็นผู้เสียหายในคดีนี้โดยตรงและมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ เพราะผู้ร้องเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาดังกล่าว และคำเบิกความเท็จในข้อสำคัญของจำเลยนี้ในคดีอาญาดังกล่าว ย่อมกระทบกระเทือนถึงผลของคดีแพ่งที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องป. โดยศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญาดังกล่าวนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีอาญาอันเป็นข้อสำคัญในคดี ต่อศาลจังหวัดสกลนคร ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 100/2515 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดนครพนม โจทก์นายประกิจ หรือฮวดโป้ งานสัมพันธ์ฤทธิ์หรือแซ่หง่าน จำเลย เรื่องขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งศาลจังหวัดนครพนมได้ส่งประเด็นมาสืบพยานโจทก์ที่ศาลจังหวัดสกลนครว่านายประกิจขับรถยนต์มาด้วยความเร็วปกติ และได้ลดความเร็วลงเมื่อถึงทางโค้ง พอรถแฉลบนางคำบู่ คำชมภู ผู้ตายสะดุ้งตื่นร้องโวยวาย และคว้ามือนายประกิจ เป็นเหตุให้รถแฉลบพลิกคว่ำ ซึ่งเป็นความเท็จความจริงนายประกิจขับรถเร็วมาก เป็นเหตุให้รถแฉลบและพลิกคว่ำตอนทางโค้ง นางคำบู่มิได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177, 181

จำเลยให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น นายบัวรอง ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมอ้างว่าเป็นบุตรนางคำบู่ผู้ตาย และได้ยื่นฟ้องเป็นคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายจากนายประกิจผู้ขับรถโดยประมาททำให้มารดาผู้ร้องตาย กับได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 100/2515ของศาลจังหวัดนครพนมแล้ว

ศาลชั้นต้นเห็นว่าความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 เป็นความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ผู้ร้องมิใช่ผู้เสียหายโดยตรงจึงไม่มีอำนาจเข้าเป็นโจทก์ร่วม ให้ยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นเห็นว่า เป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา จึงไม่รับอุทธรณ์ ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำสั่งยกคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม เป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความผู้ร้องอุทธรณ์ได้ ให้ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์คำสั่งไว้ดำเนินการต่อไปศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งรับอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้องส่งศาลอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้ร้องได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยเบิกความเป็นเท็จนั้น ผู้ร้องจึงเป็นผู้เสียหาย พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 100/2515 ซึ่งผู้ร้องได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมนั้น ผู้ร้องได้เข้าไปเป็นโจทก์ร่วมได้ก็โดยที่ผู้ร้องเป็นผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ประกอบกับมาตรา 5(2) ในฐานะที่ผู้ร้องเป็นผู้สืบสันดานจัดการแทนผู้เสียหายในความผิดอาญาซึ่งผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตายเมื่อผู้ร้องอ้างในคดีนี้ว่าจำเลยนี้เบิกความเท็จในข้อสำคัญในคดีนั้น ผู้ร้องย่อมเป็นผู้เสียหายในคดีนี้โดยตรงประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งผู้ร้องเองก็ได้ฟ้องนายประกิจเป็นคดีแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายและค่าขาดไร้อุปการะจากนายประกิจ ซึ่งทำให้มารดาผู้ร้องถึงแก่ความตาย คำเบิกความเท็จในข้อสำคัญของจำเลยนี้ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 100/2515 ย่อมกระทบกระเทือนถึงผลของคดีแพ่งซึ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญานั้น และคดีแพ่งนั้นผู้เสียหายมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี ผู้ร้องจึงเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานเบิกความเท็จในคดีนี้โดยตรง ด้วยเหตุดังกล่าวทั้งสองประการนี้ ผู้ร้องมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการในคดีนี้ได้

พิพากษายืน

Share