คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเคยต้องโทษจำคุกฐานปล้นทรัพย์ แม้จะเป็นกรณีมีการใช้กำลังประทุษร้ายต่อร่างกายรวมอยู่ด้วย อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานปล้นทรัพย์ก็ตาม หากในคดีหลังแม้ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานชิงทรัพย์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ตามมาตรา 339 และผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 อันเป็นความผิดต่อชีวิตก็ตาม ดังนี้ จะเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 93 ไม่ได้ ต้องเพิ่มโทษตามมาตรา 92 แม้โจทก์จะขอเพิ่มโทษตามมาตรา 93 ซึ่งเป็นบทหนักมาก็ตาม ศาลก็มีอำนาจเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 92 ซึ่งเป็นบทเบากว่าได้ ไม่เกินคำขอ.

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์และพยายามฆ่า ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องโทษฐานปล้นทรัพย์ตามคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๑๑/๒๕๐๒ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๓๓๙, ๙๓, ๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษไปแล้วจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๙, ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ แต่ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ ซึ่งเป็นบทหนักให้จำคุกจำเลย ๑๒ ปี เพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา ๙๓ กึ่งหนึ่ง รวมจำคุกจำเลย ๑๘ ปี กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์สงสัยในคำพยานโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงและเชื่อว่าจำเลยกระทำผิดจริงดังโจทก์ฟ้อง ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น ส่วนข้อกฎหมายศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๓ และศาลชั้นต้นก็พิพากษาให้เพิ่มโทษตามมาตรา ๙๓ ดังโจทก์ขอ ศาลฎีกาเห็นว่าในคดีก่อนศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ๖ ปี ๘ เดือน ฐานปล้นทรัพย์ ซึ่งถึงแม้จะเป็นกรณีมีการใช้กำลังประทุษร้ายต่อร่างกายรวมอยู่ด้วยก็ตาม ก็เป็นเพียงองค์ประกอบความผิดฐานปล้นทรัพย์เท่านั้น ส่วนคดีนี้ถึงแม้ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานชิงทรัพย์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๙ และผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามมาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ อันเป็นความผิดต่อชีวิตโดยเฉพาะ มิได้ลงโทษและกำหนดโทษจำเลยเกี่ยวกับความผิดต่อทรัพย์แต่อย่างใด ฉะนั้นศาลฎีกาจึงเห็นว่า ในกรณีเช่นนี้จะเพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๓ ไม่ได้ ต้องเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา ๙๒ และถึงแม้คดีนี้โจทก์จะขอเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา ๙๓ ซึ่งเป็นบทหนักมาก็ตาม ศาลก็มีอำนาจเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา ๙๒ ซึ่งเป็นบทเบากว่าได้ ไม่เกินคำขอของโจทก์ จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๙ และมาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ แต่ลงโทษตามมาตรา ๒๘๘, ๘๐ ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามมาตรา ๙๐ ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๑๒ ปี เพิ่มโทษจำเลยหนึ่งในสามตามมาตรา ๙๒ คงให้จำคุกจำเลย ๑๖ ปี กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ด้วย.

Share