คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ฟ้องจะกล่าวว่าจำเลยสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายกันก็ดี แต่ก็ได้บรรยายโดยชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 1 ได้ใช้มีดพับทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 2 ที่ 3 ถึงบาดเจ็บทุพพลภาพ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บตามมาตรา 254 ได้ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยที่หนึ่งฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ อีกฝ่ายหนึ่ง สมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายกันในท้องถนนหลวง โดยจำเลยที่ ๓ ใข้ไม้คานตีจำเลยที่ ๑ ถึงบาดเจ็บ จำเลยที่ ๑ ใช้มีดฟันจำเลยที่ ๒,๓ บาดเจ็บ ถึงทุพพลภาพหลายแห่ง จำเลยที่ ๒ ใช้ไม้คานที่แย่งจากจำเลยที่ ๓ ตีจำเลยที่ ๑ ถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๒๕๔,๓๓๕ ข้อ ๖ ข้อ ๑๔ จำเลยที่ ๑ รับสารภาพ จำเลยที่ ๒,๓ ปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามมาตรา ๒๕๔ จำคุก ๓ เดือน เพิ่มโทษตามมาตรา ๗๒ อีก ๑ ใน ๓ ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๒ เดือน ยกฟ้องจำเลยที่ ๒-๓ และยกข้อหาตามมาตรา ๓๓๕ (๖) (๑๔) ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ฟ้องจะกล่าวว่า สมัครใจวิวาททำร้ายกันก็ดี แต่ได้บรรยายไว้ชัดแจ้งว่าจำเลยที่ ๑ ได้ใช้มีดฟันทำร้ายร่างกายจำเลยที่ ๒-๓ ถึงบาดเจ็บทุพพลภาพ เมื่อจำเลยรับสารภาพ ศาลก็ย่อมลงโทษจำเลย ฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บตามมาตรา ๒๕๔ ได้ เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษฐานนี้อยู่แล้ว และไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
พิพากษายืน.

Share