แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิขึ้นใหม่โดยอ้างว่ามูลนิธิไม่มีคณะกรรมการดำเนินงาน และไม่อาจดำเนินการใด ๆ ได้หากปล่อยให้คณะกรรมการว่างเนิ่นนานไปจะเกิดความเสียหายแก่มูลนิธินั้นเป็นการใช้สิทธิทางศาลตาม ป.วิ.พ.มาตรา 55 และเป็นการดำเนินคดีอย่างคดีไม่มีข้อพิพาทตามมาตรา 188ซึ่งมิได้มีบทบัญญัติให้ต้องมีการส่งหมายและสำเนาคำร้องขอให้แก่ผู้ใด การที่ศาลเพียงแต่ประกาศคำร้องขอในหน้าหนังสือพิมพ์และไต่สวนคำร้องหลังจากครบกำหนด 15 วัน จึงเป็นการชอบแล้ว ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งกรรมการมูลนิธิขึ้นใหม่ผู้คัดค้านสามารถที่จะร้องคัดค้านได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 188(4)แต่เมื่อผู้คัดค้านมิได้คัดค้านจนศาลไต่สวนกับมีคำสั่งตามที่ผู้ร้องขอและคดีถึงที่สุด ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิร้องขอเพิกถอนคำสั่งศาลได้ เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สิทธิผู้ร้องเช่นนั้น.
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า มูลนิธิเกริกมังคละพฤกษ์ได้จัดตั้งขึ้นและจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายปัจจุบันมูลนิธิเกริกมังคละพฤกษ์ไม่มีคณะกรรมการดำเนินงานของมูลนิธิไม่อาจดำเนินการใด ๆ ได้ หากปล่อยให้ตำแหน่งคณะกรรมการว่างเนิ่นนานไป จะเกิดความเสียหายแก่มูลนิธิและกิจการการศึกษาตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ขอให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งบุคคล 9 คน ตามบัญชีรายชื่อและตำแหน่งของคณะกรรมการเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 7 เป็นคณะกรรมการมูลนิธิดังกล่าวต่อไป ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วเห็นว่า คณะกรรมการมูลนิธิชุดเดิมจัดการผิดพลาดเสื่อมเสียที่ไม่ได้ตั้งคณะกรรมการมูลนิธิขึ้นใหม่ตามตราสาร และมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิเกริกมังคละพฤกษ์ขึ้นใหม่มีจำนวน 9 คน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 91
ผู้คัดค้านทั้งห้ายื่นคำร้องคัดค้านว่า ขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการของผู้คัดค้านที่ 1ขึ้นใหม่และศาลมีคำสั่งตามคำร้องขอของผู้ร้องเช่นนั้น ผู้คัดค้านที่ 1 มีผู้คัดค้านที่ 2 ถึงที่ 5 และบุคคลอื่นอีก 4 คน รวม 8 คนเป็นคณะกรรมการดำเนินงานของผู้คัดค้านที่ 1 อยู่ มิได้ขาดจากตำแหน่งและการดำเนินงานของคณะกรรมการดังกล่าวมิได้จัดการผิดพลาดเสื่อมเสียแก่ผู้คัดค้านที่ 1 คณะกรรมการดังกล่าวจะดำรงตำแหน่งครบวาระ 4 ปี ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2534 ผู้ร้องไม่มีอำนาจร้องขอให้ศาลแต่งตั้งคณะกรรมการของผู้คัดค้านที่ 1 ขึ้นใหม่ เหตุที่ผู้คัดค้านทั้งห้ามิได้ยื่นคำคัดค้านเข้ามาในคดีในระหว่างการไต่สวนคำร้องขอของผู้ร้องเพราะผู้คัดค้านทั้งห้าไม่ทราบถึงการดำเนินคดีนี้มาก่อน เนื่องจากศาลมิได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำร้องขอให้ผู้คัดค้านทั้งห้า การที่ศาลประกาศนัดไต่สวนคำร้องขอของผู้ร้องทางหนังสือพิมพ์เป็นการไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิเกริกมังคละพฤกษ์และมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านที่ 2 ถึงที่ 5 และกรรมการอีก 4 คน รวม 8 คน ยังคงเป็นกรรมการของผู้คัดค้านที่ 1 อยู่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งห้าและนัดไต่สวนคำร้อง ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและกระบวนพิจารณาที่ดำเนินต่อมา และมีคำสั่งใหม่ว่า ศาลมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิเกริกมังคละพฤกษ์โดยชอบแล้ว ผู้คัดค้านทั้งห้าไม่อาจเข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้ได้ ให้ยกคำร้องคัดค้าน
ผู้คัดค้านทั้งห้าอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านทั้งห้าฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาที่ผู้คัดค้านทั้งห้าฎีกาว่าการที่ศาลชั้นต้นมิได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำร้องขอของผู้ร้องให้ผู้คัดค้านทั้งห้าทราบก่อนไต่สวนคำร้องขอของผู้ร้องเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบหรือไม่เสียก่อนเป็นข้อแรกในปัญหานี้ได้ความว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิเกริกมังคละพฤกษ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องขอและนัดไต่สวนคำร้อง โดยประกาศคำร้องขอและกำหนดนัดไต่สวนคำร้องในหนังสือพิมพ์ เห็นว่า ที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิเกริกมังคละพฤกษ์ขึ้นใหม่โดยอ้างว่ามูลนิธิไม่มีคณะกรรมการดำเนินงาน และไม่อาจดำเนินการใด ๆ ได้ หากปล่อยให้คณะกรรมการว่างเนิ่นนานไปจะเกิดความเสียหายแก่มูลนิธินั้นเป็นกรณีที่ผู้ร้องจำเป็นจะใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ซึ่งผู้ร้องได้ดำเนินคดีอย่างคดีไม่มีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 โดยเริ่มคดีด้วยการยื่นคำร้องขอซึ่งเป็นคำฟ้องต่อศาล ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบัญญัติให้ศาลชั้นต้นที่รับคำฟ้องต้องส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยเฉพาะในการดำเนินคดีอย่างคดีมีข้อพิพาทโดยไม่มีบทบัญญัติให้ต้องมีการส่งหมายและสำเนาคำร้องขอให้แก่ผู้ใดในการดำเนินคดีอย่างคดีไม่มีข้อพิพาท ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้องโดยประกาศคำร้องขอและกำหนดนัดไต่สวนคำค้องดังกล่าวในหนังสือพิมพ์สยามรายวันตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2533 และได้ทำการไต่สวนคำร้องเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2533 หลังจากครบกำหนดประกาศดังกล่าว 15 วัน โดยไม่ได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำร้องขอของผู้ร้องให้ผู้คัดค้านทั้งห้าก่อนไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้วฎีกาของผู้คัดค้านทั้งห้าข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปตามที่ผู้คัดค้านทั้งห้าฎีกาว่าผู้คัดค้านทั้งห้ามีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลที่แต่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิเกริกมังคละพฤกษ์ขึ้นใหม่ได้หรือไม่ ในปัญหานี้เห็นว่าการที่ผู้คัดค้านทั้งห้าอ้างว่าผู้คัดค้านที่ 2 ถึงที่ 5 และบุคคลอื่นอีก 4 คน รวม 8 คน ยังเป็นคณะกรรมการดำเนินงานของผู้คัดค้านที่ 1 อยู่มิได้ขาดจากตำแหน่ง และมิได้จัดการผิดพลาดเสื่อมเสียแก่ผู้คัดค้านที่ 1 ในขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการของผู้คัดค้านที่ 1 ขึ้นใหม่ โดยอ้างว่าคณะกรรมการของผู้คัดค้านที่ 1 ทั้งชุดได้ขาดจากตำแหน่งกรรมการมูลนิธิไปแล้ว โดยมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการมูลนิธิเข้ามาใหม่หากปล่อยให้ตำแหน่งคณะกรรมการว่างเนิ่นนานไปจะเกิดความเสียหายแก่ผู้คัดค้านที่ 1 ได้นั้น แม้เป็นการกล่าวอ้างว่าผู้ร้องได้โต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของผู้คัดค้านทั้งห้า ซึ่งทำให้ผู้คัดค้านทั้งห้ามีสิทธิยื่นคำคัดค้านคำร้องขอของผู้ร้องเพื่อเข้ามาเป็นคู่ความในระหว่างการพิจารณาคดีก่อนของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188(4) ได้ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าผู้คัดค้านทั้งห้ามิได้ยื่นคำคัดค้านคำร้องขอของผู้ร้องในระหว่างการพิจารณาคดีก่อนของศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นในคดีก่อนได้พิจารณาไต่สวนและมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิเกริกมังคละพฤกษ์ขึ้นใหม่ตามคำร้องขอของผู้ร้อง คดีถึงที่สุดแล้ว ผู้คัดค้านทั้งห้าจะมีอำนาจร้องขอเป็นคดีนี้ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลดังกล่าวในคดีก่อนได้ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายให้สิทธิผู้คัดค้านทั้งห้าร้องขอต่อศาลได้เช่นนั้น แต่กรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สิทธิผู้ใดร้องขอต่อศาลเช่นนั้นได้ ผู้คัดค้านทั้งห้าจึงไม่มีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลที่แต่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิเกริกมังคละพฤกษ์ขึ้นใหม่ในคดีนี้ได้ หากคำสั่งศาลดังกล่าวทำให้สิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายของผู้คัดค้านทั้งห้าถูกโต้แย้ง ก็ชอบที่ผู้คัดค้านทั้งห้าจะฟ้องผู้ที่โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้คัดค้านทั้งห้าเป็นคดีอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งห้านั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งห้าข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน.