คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องการรับเงินจากจำเลยมาจากห้าง ต.โดยโจทก์และห้าง ต. แจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องไปยังจำเลยและจำเลยมีหนังสือตอบ รับยินยอมการโอนสิทธิเรียกร้องนั้นแล้ว จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้จึงมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้โดยตรง ห้าง ต. ไม่มีสิทธิจะมาระงับไม่ให้จำเลยจ่ายเงินให้โจทก์ เมื่อจำเลยบอกปัดความรับผิดให้โจทก์ไปรับเงินจากสำนักงานวางทรัพย์กลาง ซึ่งโจทก์ไม่อาจรับได้ จึงถือว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง การวางเงินของจำเลย ณ สำนักงานวางทรัพย์กลางนั้น มิใช่วางให้โจทก์รับไปหากแต่วางโดยมีเงื่อนไขให้สำนักงานวางทรัพย์กลางจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ที่แท้จริง โดยให้โจทก์และห้าง ต. ไปหาข้อยุติกันก่อน จึงไม่ใช่วางเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 331 จำเลยจึงเป็นผู้ผิดนัดต้องเสียดอกเบี้ยตามมาตรา 224.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ต. ชินรัตน์ก่อสร้างกู้เงินจำนวน 420,000 บาท ผู้กู้ตกลงโอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงินค่าจ้างตามสัญญางวดสุดท้าย (งวดที่ 3) ที่ผู้กู้มีสิทธิจะได้รับจากจำเลยให้แก่โจทก์แต่ผู้เดียว คณะกรรมการตรวจการจ้างของจำเลยตรวจรับมอบงานตามสัญญาจ้างแล้ว โจทก์ได้มีหนังสือเตือนจำเลยให้ชำระเงินตามสัญญาจ้าง แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้จำเลยชำระเงิน 406,930 บาท ให้โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 393,805 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ต้องจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ต. ชินรัตน์ก่อสร้าง หรือโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องเต็มจำนวน จำเลยต้องจ่ายให้เพียง 365,315.61 บาท และโจทก์มีสิทธิได้รับโอนสิทธิเรียกร้องแต่เพียงค่าจ้างงวดสุดท้ายจำนวน 375,000 บาท ส่วนเงินค่าจ้างเดินท่อประปาและติดตั้งเครื่องสูบน้ำจำนวน 36,500 บาท ตามหนังสือเพิ่มงานจ้าง โจทก์ไม่ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องด้วย จำเลยไม่ได้ผิดนัดชำระหนี้และได้วางเงินค่าจ้างดังกล่าวไว้ต่อสำนักงานวางทรัพย์กรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม แล้ว จำนวน 365,315.61 บาท จำเลยจึงหลุดพ้นจากหนี้ดังกล่าวรวมทั้งดอกเบี้ยที่โจทก์เรียกร้องด้วยจำเลยได้แจ้งการวางทรัพย์ให้โจทก์ทราบแล้ว โจทก์สามารถใช้สิทธิไปขอรับเงินค่าจ้างที่จำเลยวางไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์ได้อยู่แล้วจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 365,315.61 บาทให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นเห็นว่า การที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ต. ชินรัตน์ก่อสร้าง โอนสิทธิเรียกร้องไปให้โจทก์รับเงินค่าก่อสร้างงวดที่ 3 โจทก์และห้างหุ้นส่วนจำกัด ต. ชินรัตน์ก่อสร้างแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องไปยังจำเลย จำเลยได้มีหนังสือตอบรับยินยอมการโอนสิทธิเรียกร้องนั้นแล้ว ห้างหุ้นส่วนจำกัด ต. ชินรัตน์ก่อสร้างหมดสิทธิที่จะได้รับเงินตามสัญญาจ้างทันที จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้โดยตรง ห้างหุ้นส่วนจำกัด ต.ชินรัตน์ก่อสร้างไม่มีสิทธิจะมาระงับไม่ให้จำเลยจ่ายเงินให้โจทก์กรณีเป็นเรื่องจำเลยรู้ตัวเจ้าหนี้ได้แน่นอนแล้ว ไม่ต้องด้วยมาตรา 331 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์ชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากจำเลยโดยตรง จำเลยจะบอกปัดความรับผิดให้โจทก์ไปรับจากสำนักงานวางทรัพย์กลาง ซึ่งโจทก์ไม่อาจรับได้เช่นนี้ถือว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ประเด็นที่สอง โจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าจ้างเดินท่อประปาและค่าติดตั้งเครื่องสูบน้ำด้วยหรือไม่ เห็นว่าตามหนังสือแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องเอกสารหมาย ่จ.2 ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ต.ชินรัตน์ก่อสร้างที่มีถึงจำเลย กับหนังสือตอบรับทราบการโอนสิทธิเรียกร้องของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.3 หรือ ล.1 ระบุว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ต. ชินรัตน์ก่อสร้างขอโอนสิทธิเรียกร้องการรับเงินจากจำเลยให้โจทก์แต่ผู้เดียว รวมทั้งเงินเพิ่มอื่น ๆอีกด้วยอันแสดงเจตนาว่าจะโอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงินงวดที่ 3 ทั้งหมดซึ่งรวมถึงค่าเดินท่อประปาและค่าติดตั้งเครื่องสูบน้ำด้วยโจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว
ประเด็นสุดท้าย จำเลยจะต้องเสียดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่โจทก์มีสิทธิได้รับหรือไม่ เห็นว่า การวางเงินของจำเลย ณสำนักงานวางทรัพย์กลางนั้น มิใช่วางให้โจทก์รับไป หากแต่วางโดยมีเงื่อนไขให้สำนักงานวางทรัพย์กลางจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ที่แท้จริงโดยให้โจทก์และห้างหุ้นส่วนจำกัด ต. ชินรัตน์ก่อสร้าง ไปหาข้อยุติกันก่อนจึงไม่ใช่วางเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสัยญาโอนสิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 331จำเลยจึงเป็นผู้ผิดนัดต้องเสียดอกเบี้ยตามมาตรา 224…”
พิพากษายืน.

Share