แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเตะภรรยาซึ่งอุ้มบุตรอายุเพียงเดือนเศษ จนภรรยาล้มลงและบุตรกระเด็นหลุดตกลงไปยังพื้นดินถึง 2 ครั้ง ขณะที่ภรรยาล้มนอนหงายอยู่กับพื้นดิน จำเลยจับบุตรที่กระเด็นหลุดจากมือภรรยาไปนั้น ยกขึ้นกระแทกลงไปที่อกภรรยาโดยแรง จนบุตรเกิดอาการบวมที่หน้าและศรีษะ หายใจขัด และถึงแก่ความตายในวันที่จำเลยกระทำร้ายนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าคนโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้กำลังกายตบเตะกระทืบทำร้ายร่างกายนางจำปี กล่ำวงศ์ ภรรยาของจำเลย ขณะที่กำลังอุ้มเด็กชายนิพลบุตรอายุ ๑ เดือนเศษ จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายนางจำปี และเป็นเหตุให้เด็กชายนิพลกระเด็นไป แล้วจำเลยได้จับเด็กชายนิพลยกขึ้นกระแทกลงไปที่นางจำปีขณะที่นางจำปีล้มลง นางจำปีลุกขึ้นจับเด็กชายนิพลจำเลยก็เตะนางจำปีล้มลง เป็นเหตุให้เด็กชายนิพลกระเด็นไปอีก จำเลยจับเด็กชายนิพลยกขึ้นสูงแล้วโยนใส่นางจำปีโดยแรง ด้วยเจตนาฆ่าเด็กชายนิพล เด็กชายนิพลได้รับอันตรายชอกช้ำสาหัส และได้ถึงแก่ความตายในวันนั้นเอง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๒๘๘, ๙๐, ๙๑
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยได้ทำร้ายนางจำปีจนได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บ และทำให้เด็กชายนิพลตายโดยไม่เจตนา พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐, ๒๙๕ แต่ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๙๐ ซึ่งเป็นกระทงหนักตามมาตรา ๙๑ วางโทษจำคุก ๑๒ ปี
โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้ตาย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าเด็กชายนิพลโดยเจตนา พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ และ ๒๘๘ แต่ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๘๘ ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดตามมาตรา ๙๑ ให้จำคุกจำเลยไว้ ๑๕ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วฟังว่า เด็กชายนิพลไม่ได้ตายก่อนถูกจำเลยทำร้ายและเห็นว่า เมื่อจำเลยทำร้ายนางจำปีรวมมาถึงเด็กชายนิพลบุตรของจำเลยด้วย โดยจำเลยเตะนางจำปี ทำให้เด็กชายนิพลกระเด็นหลุดจากมือนางจำปีตกลงยังพื้นดิน ๒ ครั้ง แล้วจำเลยจับเด็กชายนิพลยกขึ้นกระแทกลงไปที่อกนางจำปีโดยแรงอีก ขณะที่นางจำปีล้มนอนหงายอยู่กับพื้นดิน การกระทำของจำเลยชี้ให้เห็นเจตนาของจำเลยว่ามีเจตนาฆ่าเด็กชายนิพล เพราะการที่จำเลยจับเด็กชายนิพลซึ่งมีอายุเพียงเดือนเศษกระแทกลงไปที่อกนางจำปีนั้นเป็นเหตุให้เด็กชายนิพลเกิดอาการบวมที่หน้าและที่ศรีษะ หายใจขัด แล้วถึงแก่ความตายในตอนค่ำวันนั้นเอง การที่จำเลยกระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น เป็นการกระทำโดยเจตนา จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์.