แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ส่งคำร้องนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 3 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 236 ไม่มีหน้าที่ตรวจสั่งไม่รับเหมือนอย่างชั้นรับหรือไม่รับอุทธรณ์ตามความในมาตรา 232 การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์จึงไม่ชอบอย่างไรก็ตาม ต่อมาจำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบกรณีศาลชั้นต้นไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย และศาลชั้นต้นได้ส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์และสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์พ้นกำหนด 15 วัน ไม่ชอบด้วยมาตรา 234 จึงไม่รับวินิจฉัย ให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย จึงมีผลเป็นการยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามมาตรา 236 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 11,727,006.76 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 5,889,876.73 บาท นับแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2545 และอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 4,952,819.71 บาท นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2544 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 55577 และ 55578 ตำบลโคกกรวด อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินจากกองมรดกของนายปรีชาบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน ทั้งนี้จำเลยทั้งสองในฐานะทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตนกับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 25,000 บาท จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งเกี่ยวกับเรื่องการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสองมีผลถึงคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ยกหรือกลับตามคำขอของจำเลย จึงให้จำเลยทั้งสองวางค่าฤชาธรรมเนียมตามทุนทรัพย์ในชั้นอุทธรณ์ภายใน 7 วัน แล้วจะพิจารณาสั่ง ครบกำหนดเวลาแล้วจำเลยทั้งสองไม่วางค่าฤชาธรรมเนียมแต่ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ (ที่ถูก ต้องทำเป็นอุทธรณ์คำสั่ง) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองรับหมายแล้วไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์มาวางศาล และอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ โดยจำเลยทั้งสองไม่นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมดมาวางศาลและนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาหรือหาประกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 จึงไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสองเป็นการไม่ชอบและเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ เพราะศาลชั้นต้นต้องส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์เพื่อให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาตามกฎหมายต่อไป ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ผิดระเบียบ ตามคำร้องลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2547
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองแล้ว จึงไม่ต้องเพิกถอนกระบวนพิจารณาใด
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งและไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2547 ซึ่งจำเลยทั้งสองไม่ทราบคำสั่ง แต่การที่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวโดยอ้างว่าเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบในวันที่ 27 กรกฎาคม 2547 นั้น จึงถือว่าจำเลยทั้งสองทราบคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ในวันดังกล่าว หากจำเลยทั้งสองไม่เห็นด้วยกับศาลชั้นต้น ก็ต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 การที่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง จึงเป็นการโต้แย้งคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นซึ่งไม่อาจกระทำได้ เพราะมิใช่กรณีศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบ เมื่อศาลชั้นต้นยกคำร้องและจำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อมาจุดมุ่งหมายในการอุทธรณ์ก็เพื่อให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ซึ่งผลที่สุดก็คือให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ไว้พิจารณานั่นเอง จึงมีผลเป็นอย่างเดียวกับการยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ซึ่งต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 เมื่อจำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าววันที่ 25 สิงหาคม 2547 ซึ่งเกินกำหนด 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งไม่รับอุทธรณ์จึงไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่รับวินิจฉัย พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง คืนค่าฤชาธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่จำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า เมื่อจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ส่งคำร้องนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 3 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 ไม่มีหน้าที่ตรวจสั่งไม่รับเหมือนอย่างชั้นรับหรือไม่ รับอุทธรณ์ตามความในมาตรา 232 การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ต่อมาจำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบ กรณีศาลชั้นต้นไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย และศาลชั้นต้นได้ส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์และสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์พ้นกำหนด 15 วัน ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 จึงไม่รับวินิจฉัย ให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง จึงมีผลเป็นการยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคหนึ่ง จำเลยทั้งสองจึงฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ต่อไปอีกไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองมาเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลยทั้งสอง ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นฎีกาแก่จำเลยทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ