แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ปลูกอาคารไม้ 2 ชั้น และมีโรงเรือนของ น.กับ ร.ปลูกติดกับรั้วของโจทก์.น.กับร. ยอมยกอาคารให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลย. คนร้ายลอบเข้าไปในบริเวณบ้านเรือนของ น. กับ ร.. และวางเพลิงเผาบ้านเรือนและทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย. ดังนี้ความเสียหายของโจทก์เกิดจากการกระทำของบุคคลที่สาม. หาใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยไม่. การที่จำเลยไม่จัดหาคนเฝ้าบ้านของน. กับ ร.. หรือไม่รื้อถอนอาคารดังกล่าว. ไม่มีกฎหมายบทใดบัญญัติให้จำเลยมีหน้าที่ต้องทำ. จะถือว่าจำเลยประมาทเลินเล่อไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ปลูกอาคารไม้สองชั้น กับมีโรงเรือนหลังเล็กของนางสาวนิ่ม นายรำพึง ปลูกติดกับรั้วของโจทก์ นางสาวนิ่ม นายรำพึงยอมยกอาคารให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลยโดยจำเลยให้เงินแก่บุคคลทั้งสอง จำเลยประมาทเลินเล่อไม่จัดการใช้ความระมัดระวังดูแลอาคารของนางสาวนิ่ม นายรำพึง เป็นเหตุให้ผู้ร้ายลอบเข้าไปในบริเวณบ้านเรือนดังกล่าวและวางเพลิงเผาบ้านเรือนและทรัพย์สินของโจทก์ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 20,000 บาท ศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ความเสียหายของโจทก์เกิดจากการกระทำของบุคคลที่สามหาใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยไม่ การที่จำเลยไม่จัดหาคนเฝ้าบ้านนางสาวนิ่ม นายรำพึง หรือไม่รื้อถอนอาคารหลังนั้นเสียก็ไม่มีกฎหมายบทใดบัญญัติให้จำเลยมีหน้าที่ต้องทำเช่นนั้น และพฤติการณ์ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมา จะถือว่าจำเลยประมาทเลินเล่อหาได้ไม่ พิพากษายืน.