คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856-857/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อประกาศใช้ประมวลแพ่งฯ บรรพ 5 แล้ว อำนาจของผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 21 ได้ถูกจำกัดอำนาจลงตามลักษณะและรายการตามที่ระบุไว้ในมาตรา 1546
การห้ามขายที่ดินของเด็กซึ่งต้องขออนุญาตศาลก่อนตามมาตรา 1546 นั้นหมายความรวมถึงสัญญาจะขายที่ดินด้วย(อ้างฎีกาที่ 462/2488)
การขายที่ดินของผู้เยาว์โดยอ้างว่าเอาเงินไปใช้จ่ายในการศึกษาของเด็กเข้าลักษณะที่เป็นการสมควรแก่ฐานานุรูปและเป็นการอันจำเป็นเพื่อความเจริญในอนาคตของเด็กตามมาตรา 24 ซึ่งอนุญาตไว้ว่า แม้เด็กจะทำนิติกรรมเองก็ยังได้นั้นเมื่อมาตรา 1546 ห้ามผู้ปกครองขายที่ดินของเด็กโดยลำพังแล้ว เด็กขายที่ดินของเด็กโดยลำพังเองก็ทำไม่ได้ มาตรา 1546 เป็นบทยกเว้นทั่วไปของมาตรา 24ด้วยเหมือนกัน ความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมก็ใช้ไม่ได้
ผู้เยาว์ทำสัญญาจะขายที่ดินของผู้เยาว์แก่ผู้ซื้อและมอบที่ดินให้ผู้ซื้อไปจัดหาผลประโยชน์มาแบ่งกับผู้เยาว์นั้นโดยผู้แทนโดยชอบธรรมยินยอม นิติกรรมอันเกี่ยวกับการจัดหาผลประโยชน์มาแบ่งกันแยกได้จากการซื้อขาย ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 1546 จึงเป็นการสมบูรณ์ตามมาตรา 24

ย่อยาว

ได้ความว่านายกำพูเป็นผู้เยาว์ ได้โอนรับมรดกที่นา 1 แปลงนายกำพูอยู่ในความปกปักรักษาเลี้ยงดูของนางสาระมารดาและนางพึ่งพี่สาว พ.ศ. 2490 นายกำพูอายุได้ 17-18 ปี ได้ค่าเช่านาน้อยไม่เพียงพอค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน ในที่สุดได้ตกลงขายที่นาให้นายขาวเป็นเงิน 23,000 บาท นางพึ่งได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขออนุญาตเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมโอนขายนาของนายกำพูผู้เยาว์ให้แก่นายขาว ศาลแพ่งไม่อนุญาต จึงได้ตกลงทำเป็นสัญญาจะขายให้นายขาวและโอนโฉนดภายหลังเมื่อนายกำพูบรรลุนิติภาวะแล้ว นายกำพู นางพึ่งรับเงินล่วงหน้าไป 13,000 บาท มอบโฉนดให้นายขาวยึดถือไว้ ระหว่างยังไม่ได้โอนให้นายขาวจัดหาประโยชน์แล้วมาแบ่งกัน ในสัญญา (หมายล.1) ระบุว่านายกำพูจะโอนโฉนดและรับเงิน10,000 บาทให้เสร็จภายใน 1 เดือนนับแต่วันบรรลุนิติภาวะ นางพึ่งลงนามให้ความยินยอม เมื่อนายกำพูบรรลุนิติภาวะแล้วจึงได้มีหนังสือถึงนายขาวบอกล้างนิติกรรมเมื่อไม่ได้รับตอบจากนายขาว นายกำพูจึงฟ้องนายขาวเป็นจำเลย อ้างว่านิติกรรมสัญญาจะขายนาไม่ผูกพันนายกำพู ขอให้เพิกถอนและให้ส่งมอบโฉนดและที่นาคืนกับขอให้ส่งข้าวเปลือกคิดเป็นเงิน 19,740 บาท

นายขาวกลับเป็นโจทก์ฟ้องนายกำพูและนางพึ่งเป็นจำเลยขอให้โอนขายนาตามสัญญา ถ้าโอนไม่ได้ให้จำเลยคืนเงิน 13,000 บาทแก่โจทก์

ศาลแพ่งพิจารณาแล้วพิพากษาให้นายกำพูโอนขายนาให้แก่นายขาวและรับเงินอีก 10,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน มีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนึ่งแย้งว่านายกำพูควรชนะคดี

นายกำพูฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าแต่เดิมในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1ผู้แทนโดยชอบธรรมมีอำนาจทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ได้ตามมาตรา 21เมื่อประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว อำนาจของผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ได้ถูกจำกัดลงตามลักษณะและรายการตามที่ระบุไว้ในมาตรา 1546 การทำนิติกรรมอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ของเด็ก ผู้ใช้อำนาจปกครอง (ผู้แทนโดยชอบธรรม) จะทำมิได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

นิติกรรมในคดีเรื่องนี้เป็นสัญญาจะขายที่ดิน การห้ามขายที่ดินตามมาตรา 1546 ย่อมหมายความถึงการจะซื้อขายที่ดินด้วย

อีกประการหนึ่งการขายนั้น แม้จะอ้างว่าเอาเงินไปใช้จ่ายในการศึกษาของเด็ก เข้าในลักษณะที่เป็นการสมควรแก่ฐานานุรูปและเป็นการอันจำเป็นเพื่อความเจริญในอนาคตของเด็กตามมาตรา 24 ซึ่งอนุญาตไว้ว่าแม้เด็กจะทำนิติกรรมเองก็ยังได้นั้น เมื่อมาตรา 1546 ห้ามผู้แทนโดยชอบธรรมขายที่ดินของเด็กโดยลำพังแล้ว การขายที่ดินของเด็กโดยลำพังก็ทำไม่ได้ มาตรา 1546 ซึ่งเป็นบทยกเว้นทั่วไปของมาตรา 24 ด้วยเหมือนกัน

ส่วนเรื่องการผลประโยชน์ที่นายกำพูเรียกจากนายขาวที่เอาที่ดินนำไปจัดหาผลประโยชน์มาแบ่งกัน นิติกรรมอันนี้แยกจากการจะซื้อขาย และไม่ต้องห้ามตามมาตรา 1546 จึงสมบูรณ์ตามมาตรา 21, 24

จึงพิพากษากลับคดีสำนวนแรก ให้ถือว่าสัญญาหมาย ล.1 ไม่ผูกพันกันทางจะขายที่ดิน ให้นายขาวส่งคืนโฉนดที่นาให้นายกำพู คำขอนอกนี้ให้ยก สำนวนหลังให้นายกำพูใช้เงินคืนให้นายขาว 10,000 บาท

Share