คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์เงินเหรียญของผู้เสียหายรวมเป็นเงิน 110,000 บาท หรือรับของโจรเงินเหรียญของผู้เสียหาย ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จากจำเลยรวมเป็นเงิน22,300 บาท และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 87,700 บาทที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษฐานรับของโจร ความรับผิดทางแพ่งของจำเลยคงมีอยู่เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดทางอาญาฐานรับของโจรเท่านั้น แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 87,700 บาท ตามคำขอท้ายฟ้องแก่ผู้เสียหาย ก็ต้องแปลว่าเป็นคำสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในส่วนที่จำเลยรับของโจร เมื่อผู้เสียหายได้รับของกลางที่จำเลยรับของโจรไว้คืนไปแล้วย่อมไม่อาจขอให้ยึดทรัพย์ของจำเลยขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้อีกได้

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากจำเลยถูกฟ้องว่ากระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรเงินเหรียญชนิดต่าง ๆ ของนายเอี่ยมผู้เสียหาย จำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรเงินเหรียญบางส่วนที่ถูกคนร้ายลักไป คดีถึงที่สุดโดยศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 87,700 บาทแก่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอให้บังคับคดียึดทรัพย์จำเลยมาชำระหนี้ เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินและบ้านขอยทอดตลาด ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าทรัพย์ที่เจ้าพนักงานยึดมาเป็นของผู้ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
ผู้เสียหายคัดค้านว่า ทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดเป็นของจำเลยกับผู้ร้องร่วมกัน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
ผู้เสียหายอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานรับของโจร ตามคำให้การรับสารภาพของจำเลยและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 87,700 บาท แก่ผู้เสียหายปัญหาขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาในชั้นบังคับคดี ทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีนำยึดเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นของจำเลยหรือผู้ร้อง ในปัญหานี้เห็นควรวินิจฉัยเสียก่อนว่าผู้เสียหายมีอำนาจขอให้บังคับคดีส่วนแพ่งในกรณีนี้หรือไม่ เห็นว่าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์เงินเหรียญหลายชนิดของผู้เสียหายรวมเป็นเงิน 110,000 บาท หรือรับของโจรเงินเหรียญหลายชนิดของผู้เสียหายรวมเป็นเงิน 22,300 บาท ซึ่งเจ้าพนักงานยึดได้จากจำเลยเป็นของกลาง จำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจร และของกลางจำนวนนี้ผู้เสียหายได้รับคืนไปแล้ว ดังนี้ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษฐานรับของโจร ความรับผิดทางแพ่งของจำเลย ก็จะต้องมีอยู่เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดทางอาญาฐานรับของโจรเท่านั้น เพราะฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ จึงต้องแปลว่าเป็นคำสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในส่วนที่จำเลยรับของโจรไว้เท่านั้น เมื่อปรากฎว่าผู้เสียหายได้รับของกลางที่จำเลยรับของโจรไว้คืนไปแล้ว ผู้เสียหายจึงไม่อาจขอให้บังคับคดีส่วนแพ่งโดยขอให้ยึดทรัพย์ของจำเลยขายทอดตลาดอีกได้”
พิพากษากลับ ให้ปล่อยทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาทั้งหมด

Share