คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาปนแพ่งขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญาและเรียกทรัพย์คืนด้วยนั้น ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยฉ้อโกงทรัพย์ ขอให้ลงโทษและใช้ราคาทรัพย์ เมื่อพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ฉ้อโกงเอาทรัพย์ของโจทก์ไปซึ่งจะลงโทษจำเลยทางอาญาไม่ได้แล้ว ก็จะให้จำเลยรับผิดใช้ทรัพย์แก่โจทก์ไม่ได้ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมาขอกู้เงินโจทก์ไป 700 บาท โดยใช้อุบายหลอกลวงเอาเข็มขัดนากปลอมมาให้โจทก์ยึดไว้เป็นประกันเงินกู้ โดยกล่าวเท็จว่า เข็มขัดนั้นเป็นเข็มขัดนากปนทอง โจทก์หลงเชื่อจึงให้จำเลยกู้เงินไปและรับเข็มขัดนั้นไว้ ต่อมาจึงทราบว่าเข็มขัดนั้นเป็นของปลอม จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304, 306 และให้ใช้เงิน 700 บาท

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า เข็มขัดนากของกลางปลอมจริงแต่เชื่อว่าของกลางอาจเป็นของชายคนหนึ่งดังจำเลยนำสืบ จำเลยไม่ทราบว่า ปลอม จะเอาผิดทางอาญาแก่จำเลยไม่ได้ แต่โจทก์ต้องเสียหายเพราะจำเลยพาเข็มขัดปลอมไปวางประกันเงินกู้ จึงพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 700 บาท ฯลฯ

จำเลยอุทธรณ์ในข้อที่ศาลชั้นต้นให้รับผิดใช้เงิน

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำพยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันไม่น่าเชื่อ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสิ้น

โจทก์ฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีเช่นนี้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริง ตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาตามมาตรา 46 แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

คดีนี้ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคนละอย่างกับศาลชั้นต้น คือฟังว่าพยานโจทก์เบิกความแตกต่างกัน จนศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อพยานโจทก์ และโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยสมคบกันมากับชายคนที่มาหลอกลวงซึ่งเท่ากับฟังว่าจำเลยมิได้เอาเงินของโจทก์ไป และมอบเข็มขัดปลอมให้โจทก์ ฉะนั้นจะให้จำเลยรับผิดคืนหรือใช้เงินให้โจทก์ไม่ได้จึงพิพากษายืน

Share