คำสั่งคำร้องที่ 1150/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยาน หลักฐาน จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อจำนวนทุนทรัพย์ ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์หรือจำเลยได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทดีกว่ากัน และการที่จำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทจะเริ่ม นับอายุความตั้งแต่เมื่อใด โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 135 แผ่นที่ 2)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสามและบริวารรื้อถอน บ้านออกไปจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 11 ตำบลห้วยแห้งอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ของโจทก์ และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เดือนละ 100 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าออกไปจากที่ดินของโจทก์ฯลฯ
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 125)
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จึงยื่นคำร้องนี้ โดยมิได้นำเงินมา ชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล (อันดับ 130)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่าที่ดินพิพาท เป็นของจำเลยทั้งสามก็ดี โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่เพราะ เกิน 1 ปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครองก็ดี เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น เมื่อทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสาม ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share