คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8534/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในระหว่งศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนหมายจับ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำขอเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน เพราะคดีจะต้องพิจารณาต่อไป เนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพียงให้จำหน่ายคดีชั่วคราว ไม่ใช่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญแล้ว ดังนั้นที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้เพิกถอนหมายจับจำเลยที่ 2 จึงเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
วันนัดสอบคำให้การจำเลยและสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 2 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล ศาลชั้นต้นเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยที่ 2 หลบหนี ให้ออกหมายจับจำเลยที่ 2 จำหน่ายคดีชั่วคราว โดยหมายจับลงวันที่ 8 กันยายน 2541 ให้จำเลยที่ 2 ไปส่งศาลภายในกำหนดอายุความ 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2541
วันที่ 20 มิถุนายน 2546 จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า บัดนี้ครบกำหนด 5 ปี เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2546 พ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้วยังไม่ได้ตัวจำเลยที่ 2 มาดำเนินคดี สิทธิดำเนินคดีอาญาย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) ขอให้ไต่สวนคำร้องและหรือมีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อคดีขาดอายุความแล้ว หมายจับที่ออกย่อมไม่อาจใช้ได้อีกต่อไป ทั้งในหมายจับมีเงื่อนเวลาสิ้นสุดระบุอยู่แล้ว เมื่อพ้นเวลาดังกล่าวย่อมไม่อาจดำเนินการตามกฎหมายได้ในตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งเพิกถอนอีก เพราะหมายจับนั้นไม่มีผลทางกฎหมายให้ต้องเพิกถอน ไม่จำต้องไต่สวน ยกคำขอ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้ในระหว่างศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนหมายจับ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องของจำเลยที่ 2 ว่า เมื่อคดีขาดอายุความแล้ว หมายจับที่ออกย่อมไม่อาจใช้ได้อีกต่อไป ทั้งในหมายจับมีเงื่อนเวลาสิ้นสุดระบุอยู่แล้ว เมื่อพ้นเวลาดังกล่าวย่อมไม่อาจดำเนินการตามหมายจับได้ในตัวเอง ไม่จำต้องมีคำสั่งเพิกถอนอีกเพราะหมายจับนั้นไม่มีผลทางกฎหมายให้ต้องเพิกถอน ไม่จำต้องไต่สวน ยกคำขอ จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน เพราะคดีจะต้องพิจารณาต่อไป เนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพียงให้จำหน่ายคดีชั่วคราว ไม่ใช่เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญแล้ว ดังนั้น ที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้เพิกถอนหมายจับจำเลยที่ 2 จึงเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบ ไม่มีผลให้จำเลยที่ 2 มีสิทธิฎีกา แม้ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยที่ 2 มา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และยกฎีกาของจำเลยที่ 2.

Share