คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศของจำเลยด้วยสัมภาระของโจทก์ โดยชำระสินจ้างให้โจทก์แล้วบางส่วน นอกนั้นจะชำระเมื่องานเสร็จ โจทก์ลงมือแก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศนั้นแล้ว แต่ทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนดในสัญญาจ้างจำเลยแจ้งให้โจทก์แก้ไข ก็แก้ไขไม่สำเร็จ จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขต่อมาจำเลยได้ทำสัญญากับโจทก์ขอผ่อนชำระสินจ้างที่ค้างชำระเป็นสี่งวดหากผิดนัดยอมเสียดอกเบี้ยให้ด้วยจำเลยชำระงวดแรกแล้วอีกสามงวดไม่ยอมชำระโดยอ้างว่าโจทก์ไม่แก้ไขเครื่องปรับอากาศให้ทำความเย็นได้ตามสัญญาจ้างสัญญาที่จำเลยทำกับโจทก์ครั้งหลังนี้ ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความเพราะมิได้กล่าวถึงเรื่องค่าเสียหายในการผิดสัญญาจ้างเป็นแต่เพียงความตกลงในการชำระหนี้เท่านั้นสิทธิและความรับผิดของโจทก์จำเลยซึ่งมีอยู่ต่อกันตามสัญญาจ้างยังไม่ระงับสิ้นไปสัญญาตกลงชำระหนี้ไม่ปิดปากจำเลยมิให้โต้เถียงว่าเครื่องปรับอากาศซึ่งโจทก์รับจ้างติดตั้งชำรุดบกพร่องทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนด ซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ
แม้โจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนดในสัญญาจ้างโจทก์พยายามแก้ไข แต่แก้ไขไม่สำเร็จจนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบแต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระสินจ้างที่ค้างชำระแทนที่จำเลยจะใช้สิทธิยึดหน่วงสินจ้างไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะแก้ไขความชำรุดบกพร่องสำเร็จจำเลยกลับยอมทำสัญญาตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิยึดหน่วงที่จำเลยมีอยู่เสียแล้วจำเลยมีหน้าที่ต้องชำระสินจ้างตามสัญญาตกลงชำระหนี้นั้น
จำเลยเชิดบุคคลหนึ่งให้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยได้ เมื่อบุคคลนั้นทำสัญญาในนามจำเลยตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์สัญญานั้นย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลยจำเลยจะยกเอาข้อบังคับของบริษัทมายันโจทก์หรือบุคคลภายนอกไม่ได้
การที่จำเลยทำสัญญากับโจทก์ยอมตกลงจะผ่อนชำระหนี้สินจ้างที่ค้างชำระให้แก่โจทก์เป็นงวดๆ นั้นย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลง
(ข้อกฎหมายตามวรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่9/2512)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาซื้อเครื่องอุปกรณ์และชิ้นส่วนสำคัญของเครื่องปรับอากาศจากโจทก์ โดยตกลงให้โจทก์เป็นผู้ติดตั้งเข้ากับเครื่องปรับอากาศเดิมของจำเลย เหมารวมทั้งค่าภาษีเป็นเงิน 215,000บาท ชำระแล้วในวันทำสัญญา 53,750 บาท นอกนั้นมีกำหนดชำระเป็นงวดโจทก์ติดตั้งเสร็จแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมชำระเงิน โจทก์ให้ทนายมีหนังสือทวงถามจำเลยโดยพันเอกปุ่น วงศ์วิเศษ เป็นผู้แทน ได้ติดต่อขอประนีประนอมชำระหนี้และทำสัญญาตกลงชำระหนี้ แบ่งชำระเป็น 4 งวดงวดแรก 41,250 บาท ชำระแล้ว นอกนั้นไม่ชำระขอให้บังคับจำเลยชำระเงินที่ค้าง 120,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยต่อสู้ว่า ไม่เคยซื้ออุปกรณ์และชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศจากโจทก์ แต่จ้างโจทก์ให้แก้ไขเครื่องปรับอากาศของจำเลยที่ติดตั้งในอาคารที่จำเลยให้ผู้อื่นเช่า โดยโจทก์เป็นผู้จัดหาสัมภาระ โจทก์ทำการไม่สำเร็จปรับอากาศไม่ได้อุณหภูมิตามสัญญา จำเลยจึงยึดหน่วงค่าจ้างตามฟ้องไว้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและคดีขาดอายุความ พันเอกปุ่นไม่มีอำนาจกระทำกิจการแทนจำเลย จำเลยไม่เคยเชิดพันเอกปุ่นเป็นผู้แทนติดต่อประนีประนอมขอชำระหนี้

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญาตกลงชำระหนี้ซึ่งจำเลยทำให้โจทก์ด้วยการเชิดพันเอกปุ่นให้มีอำนาจทำแทน และจำเลยได้ชำระเงินงวดแรกให้โจทก์ด้วย อันเป็นการให้สัตยาบัน เท่ากับยอมรับว่า โจทก์ได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเรียบร้อยแล้ว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม และคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีตึกให้บริษัทเอสโซ่ฯ จำกัด (เดิมชื่อบริษัทสแตนดาร์ดแวคคัมออยล์ จำกัด) เช่าโดยมีเครื่องปรับอากาศด้วยแต่เครื่องเก่าทำความเย็นได้น้อย ในการจะทำสัญญาให้เช่าต่อ จำเลยจะต้องปรับปรุงเครื่องปรับอากาศทำความเย็นให้เพียงพอตามความต้องการของผู้เช่าโจทก์ได้รับปรับปรุงแก้ไข จึงได้ทำสัญญากันตามเอกสาร ล.1 ซึ่งมีข้อตกลงอันเป็นสารสำคัญว่าผู้รับจ้างจะทำให้ที่ซึ่งปรับอากาศมีอุณหภูมิสูงหรือต่ำกว่า 78 องศาฟาเรนไฮท์ไม่เกิน 2 องศาตลอดปี ถ้าทำไม่ได้ ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดตามคำเรียกร้องของผู้เช่าโจทก์ได้ลงมือทำงานตามที่ตกลงแล้ว แต่ทำความเย็นไม่ได้ตามสัญญา จำเลยติดต่อให้โจทก์แก้ไข ก็แก้ไขไม่สำเร็จ พอพลตรีไชยประทีปเสน ประธานกรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทจำเลยตายลง ผู้จัดการบริษัทจำเลยลาออกไปตั้งบริษัทใหม่บริษัทจำเลยเลือกตั้งกรรมการใหม่และยังไม่มีผู้จัดการ นายแสวงทนายประจำบริษัทโจทก์มีหนังสือทวงถามเงินที่ยังค้างชำระ นายอุทัย อรรถยุติ เลขานุการลงนามแทนผู้จัดการบริษัทจำเลยตอบไปว่า เครื่องปรับอากาศยังไม่เรียบร้อย ขอให้ลดราคาลงบ้าง ทนายบริษัทโจทก์ตอบว่า โจทก์ติดตั้งและส่งมอบเรียบร้อยแล้วไม่ยอมลดราคาทางด้านผู้เช่าตึกนั้นได้ให้ทนายมีหนังสือแจ้งให้จำเลยแก้ไขเครื่องปรับอากาศและเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าปรับที่เครื่องปรับอากาศทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนดในสัญญาเช่า พันเอกปุ่น ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการผู้จัดการบริษัทจำเลย ได้เจรจาทำความตกลงกับผู้เช่าว่า จำเลยจะยอมออกค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศที่บริษัทวิศวกรรมจะเป็นผู้ดำเนินการในวงเงิน 120,000 บาท เพื่อตอบแทนการที่ผู้เช่าจะสละข้อเรียกร้องเกี่ยวกับความบกพร่องของเครื่องปรับอากาศ ต่อมาโจทก์โดยนายแสวง ทนายประจำกับจำเลยโดยพันเอกปุ่น รักษาการผู้จัดการ ได้ทำหนังสือสัญญาตกลงชำระหนี้หมาย จ.2 ว่า จำเลยค้างชำระค่าเครื่องปรับอากาศเป็นเงิน 161,250 บาท จำเลยจะชำระในวันทำสัญญา 41,250 บาท ต่อไปในวันที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน 2506 เดือนละ 40,000 บาท ผิดนัดงวดใด ยอมให้ดอกเบี้ยโจทก์ร้อยละ 15 ต่อปี จำเลยได้ชำระเงินงวดแรกแล้ว แต่งวดหลังไม่ยอมชำระ เพราะจำเลยแจ้งให้โจทก์แก้ไขเครื่องปรับอากาศให้ทำความเย็นได้อุณหภูมิตามสัญญาโจทก์ก็ไม่จัดการและเลิกกิจการเกี่ยวกับเครื่องเย็น นอกจากจำเลยจะออกค่าใช้จ่ายให้บริษัทวิศวกรรมแก้ไข ซึ่งสิ้นเงิน 151,718.83 บาท แล้ว จำเลยยังต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญมาแก้ไขสิ้นเงินอีก 130,000 บาทและเสียค่าปรับให้บริษัทเอสโซ่ฯ ผู้เช่าด้วย 200,000 บาทหลังจากโจทก์ฟ้องคดีนี้จำเลยได้ฟ้องโจทก์เรียกเงินทั้ง 3 รายการจากโจทก์ต่อศาลแพ่งตามสำนวนคดีดำที่ 3588/2507 และขอรวมพิจารณากับคดีนี้แต่ศาลแพ่งไม่อนุญาต

มีปัญหาว่า หนังสือสัญญาหมาย จ.2 เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความอันมีผลทำให้การเรียกร้องค่าเสียหายของจำเลยตามสัญญาหมาย ล.1 ระงับสิ้นไปแล้วหรือไม่

ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่ ได้พิเคราะห์สัญญาหมาย จ.2 และข้อเท็จจริงที่ทำให้มีการทำสัญญาหมาย จ.2 แล้ว เห็นว่า สัญญาหมายจ.2 เป็นเรื่องจำเลยยอมรับว่า จำเลยค้างชำระค่าจ้างติดตั้งเครื่องปรับอากาศเป็นเงิน 161,250 บาท (เท่าจำนวนที่ค้างชำระตามสัญญาหมายล.1) เพียงแต่มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาชำระหนี้และจำนวนเงินที่จะชำระแก่กันเป็นงวด ๆ เท่านั้น ไม่มีข้อความอื่นใดที่แสดงให้เห็นว่าคู่สัญญาได้ทำสัญญาหมาย จ.2 โดยยอมสละข้อเรียกร้องของแต่ละฝ่ายเพื่อระงับข้อพิพาทซึ่งอาจเกิดขึ้นเนื่องจากสัญญาหมาย ล.1 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาหมาย จ.2 ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความเป็นแต่เพียงความตกลงในการชำระหนี้เท่านั้น เพราะมิได้กล่าวถึงเรื่องค่าเสียหายในการผิดสัญญาเลย สิทธิและความรับผิดของโจทก์จำเลยซึ่งมีอยู่ต่อกันตามสัญญาหมาย ล.1 อย่างไร หาได้ระงับสิ้นไปไม่สัญญาหมาย จ.2 ไม่ปิดปากจำเลยมิให้โต้เถียงว่า เครื่องปรับอากาศที่โจทก์รับจ้างติดตั้งชำรุดบกพร่อง ทำความเย็นไม่ได้ตามกำหนดซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบตามสัญญาหมาย ล.1 ข้อ 4

มีปัญหาต่อไปว่า จำเลยจะยึดหน่วงเงิน 120,000 บาท ซึ่งจะต้องผ่านชำระตามสัญญาหมาย จ.2 ไว้ก่อนได้หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่า โจทก์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศทำความเย็นไม่ได้ตามกำหนดในสัญญา โจทก์พยายามแก้ไข แต่แก้ไขไม่สำเร็จ จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไข ซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบตามสัญญาหมาย ล.1 ข้อ 4 ก็ดี แต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ค่าเครื่องปรับอากาศและค่าติดตั้งที่ค้างชำระตามสัญญาหมาย ล.1 แทนที่จำเลยจะใช้สิทธิยึดหน่วงสินจ้างไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะแก้ไขความชำรุดบกพร่องสำเร็จจำเลยกลับยอมทำสัญญาหมาย จ.2 รับจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ จึงต้องถือว่าจำเลยได้สละสิทธิยึดหน่วงที่จำเลยมีอยู่เสียแล้ว จำเลยมีหน้าที่จะต้องชำระหนี้ให้โจทก์ตามสัญญาหมาย จ.2 อนึ่งคดียังได้ความว่า จำเลยได้ฟ้องโจทก์ตามคดีแพ่งดำที่ 3588/2507 ขอให้โจทก์ชำระค่าเสียหายให้จำเลย โจทก์จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายมากน้อยเพียงใดหรือไม่ ย่อมเป็นไปตามผลของคดีดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนจึงไม่ชอบที่จำเลยจะยึดหน่วงสินจ้างจำนวนนี้ไว้เพื่อหักทอนกับค่าเสียหายที่จำเลยฟ้องเรียกจากโจทก์ในคดีนั้น

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า บริษัทจำเลยได้เชิดพันเอกปุ่นให้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยได้ จำเลยจะยกเอาข้อบังคับของบริษัทมายันโจทก์หรือบุคคลภายนอกไม่ได้ สัญญาหมาย จ.2 ที่พันเอกปุ่นทำจึงสมบูรณ์ผูกพันบริษัทจำเลย

ปัญหาข้อสุดท้ายตามฎีกาของจำเลยที่ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยทำสัญญาหมาย จ.2 กับโจทก์ ยอมตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นงวด ๆ นั้น ย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ ซึ่งมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 สัญญาหมาย จ.2 ทำเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2506 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2506 คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ

พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะในผลที่ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์

Share