แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยรับรองจะรื้อถอนรั้วที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์ออกไปนั้น เป็นการแสดงว่ายังเคารพสิทธิครอบครองของโจทก์อยู่ หาใช่เป็นการแย่งการครอบครองไม่ หากจำเลยขัดขืนเถียงสิทธิไม่ยอมรื้อถอนรั้วออกไปเมื่อใด อายุความจึงจะเริ่มนับแต่วันนั้นไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินปลูกบ้านร่วมกับผู้มีชื่อ ๑ แปลง  โดยซื้อจากจำเลยเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒  และครอบครองตลอดมา  เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๐๒  จำเลยได้จ้างผู้อื่นทำรั้วที่แนวเขตตะวันตกที่ดินของโจทก์  แต่ปรากฏว่ารั้วตอนหนึ่งรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์  ปรากฏตามแผนที่ท้ายฟ้อง  มีราคา ๓,๐๐๐ บาท  ได้บอกให้จำเลยทราย  จำเลยรับรองจะรื้อถอนออกไป  โจทก์เตือนซ้ำ  จำเลยก็รับรองอยู่เช่นนั้นตลอดมา  ครั้นเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๓  โจทก์เตือนอีก  จำเลยไม่ยอมรื้อ  และท้าทายให้โจทก์ฟ้องซึ่งเป็นการแสดงเจตนาจะแย่งเอาที่ดินตอนที่จำเลยรุกล้ำเป็นของตนเสีย  จึงขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนรั้วออกไป  แล้วทำที่ดินให้เหมือนเดิม
จำเลยให้การว่า  โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินแปลงพิพาท  จำเลยไม่ได้ขายที่ดินให้โจทก์  จำเลยครอบครองที่พิพาทแต่ฝ่ายเดียวตลอดมา  ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ  จำเลยไม่เคยรับรองว่าจะรื้อรั้ว
วันนัดชี้สองสถาน  โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่า  จำเลยได้ทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ตามแผนที่ท้ายฟ้อง  เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๐๒  และที่พิพาทเป็นของโจทก์  ส่วนข้อที่โจทก์ว่าจำเลยเคยรับรองว่าจะรื้อถอนรั้วตามฟ้อง  และโจทก์เตือนให้จำเลยรื้อรั้วนั้น  จำเลยปฏิเสธ  โจทก์ขอสืบพยานในข้อที่จำเลยปฏิเสธ  ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อเท็จจริงที่รับกันมาเพียงพอให้วินิจฉัยคดีได้แล้ว  ส่วนข้อที่โจทก์ขอสืบพยานนั้นเป็นประเด็นปลีกย่อย  แม้จะได้ความตามฟ้องก็ไม่ทำให้การวินิจฉัยเปลี่ยนแปลง  ให้งดสืบพยานที่โจทก์ขอสืบเสีย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า  ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า  โจทก์มีแต่สิทธิครอบครอง  มูลคดีนี้เป็นเรื่องแย่งสิทธิครอบครอง  การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครอง  ต้องฟ้องภายในปีหนึ่ง  โจทก์ถูกแย่งการครอบครองเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๐๒  ฟ้องเมื่อ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๔  เกินหนึ่งปีแล้ว  การที่โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทราบ  จำเลยรับรองว่าจะรื้อ  แต่ก็ไม่รื้อสักที  โจทก์กลับปล่อยให้ล่วงเลยกำหนดเวลาฟ้องร้องเสียเองเช่นนี้  หามีผลให้โจทก์เกิดสิทธิฟ้องคดีเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไม่  พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์  ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า  คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ
ศาลฎีกาเห็นว่า  ปัญหาของคดีนี้อยู่ที่ว่า  จะเริ่มนับอายุความตั้งแต่เมื่อไร  คือจะนับแต่เมื่อจำเลยเริ่มทำรั้วหรือนับเมื่อจำเลยปฏิเสธไม่ยอมรื้อรั้วที่รุกล้ำ  ศาลฎีกาเห็นว่าหากข้อเท็จจริงที่โจทก์ขอสืบฟังได้  การที่จำเลยรับรองว่าจะรื้อรั้วออกไปนั้น  เป็นการแสดงว่ายังเคารพต่อสิทธิครอบครองของโจทก์อยู่  จึงหาใช่เป็นการแย่งการครอบครองไม่  การที่รั้วยังอยู่ในที่ดินพิพาทได้  เพราะโจทก์ยินยอมในระหว่างที่จำเลยขอผัดการรื้อถอน  เป็นการอาศัยอำนาจของโจทก์  จำเลยเพิ่งขัดขืนเถียงสิทธิเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๓  นี่เองเมื่อนับถึงวันฟ้องยังไม่เกิน ๑ ปี  คดีโจทก์หาขาดอายุความไม่  ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยรับกันว่า  โจทก์ถูกจำเลยแย่งการครอบครองเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ นั้น  ยังไม่ตรงตามคำแถลงรับของคู่ความ  จำเลยเพียงแต่รับว่าทำรั้วรุกล้ำ  แต่โจทก์เถียงว่าจำเลยรับรองว่าจะรื้อถอนรั้วออกไป  ซึ่งข้อนี้จำเลยปฏิเสธ  หาได้รับกันว่าจะแย่งการครอบครองไม่  ดังนั้น  จึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปตามที่โจทก์จำเลยโต้เถียงกันเพื่อวินิจฉัยว่า การแย่งการครอบครองได้เกิดขึ้นเมื่อใด
จะวินิจฉัยเสียก่อนว่าขาดอายุความโดยไม่ฟังข้อเท็จจริงที่โต้เถียงกันหาถูกต้องไม่
จึงยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์  ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

