คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 852/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องคดีนี้ในขณะที่คดีของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ซึ่งโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ขอให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองกับนิติกรรมการจดทะเบียนโอนขายที่ดินและจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 ทั้งหมด อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์อ้างเหตุและมีคำขอท้ายฟ้องในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 เป็นอย่างเดียวกันกับคดีของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ จึงเป็นการฟ้องเรื่องเดียวกัน ฟ้องคดีนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 เป็นฟ้องซ้อน ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์และขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 และ10625 โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงถึงที่สุดและย่อมผูกพันโจทก์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 เมื่อการขายทอดตลาดที่ดินไม่ได้ถูกเพิกถอน ผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดย่อมมีสิทธิรับโอนที่ดินดังกล่าวตามคำสั่งศาลและมีสิทธิโอนต่อไปได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี และโฉนดเลขที่ 106205 ตำบลห้วยขวาง (สามเสนนอกฝั่งเหนือ) อำเภอห้วยขวาง (บางซื่อ) กรุงเทพมหานคร นิติกรรมการจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 และเลขที่ 106204 ระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์ นิติกรรมการจดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 ระหว่างจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ระหว่างจำเลยที่ 3 และที่ 4 กับจำเลยที่ 5 นิติกรรมการจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 ระหว่างจำเลยที่ 5 กับจำเลยที่ 6 นิติกรรมการจดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 106205 ระหว่างจำเลยที่ 7 กับจำเลยที่ 8 และระหว่างจำเลยที่ 8 กับจำเลยที่ 9 ให้เจ้าพนักงานที่ดินเพิกถอนนิติกรรมที่เป็นโมฆะทั้งหมด แล้วจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินทั้งสองแปลง ให้จำเลยที่ 6 และที่ 9 ส่งมอบโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 6 และที่ 9 ไม่ปฏิบัติตาม ขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 และจำเลยที่ 8, ที่ 9 ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 7 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
จำเลยที่ 2 และที่ 8 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำแก้อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 และที่ 8 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้ยื่นคำร้องในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 10/2528 ของศาลชั้นต้น ที่จำเลยที่ 1 เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยที่ 2 โดยอ้างในคำร้องว่า ในคดีหมายเลขแดงที่ ล.30/2538 ของศาลแพ่ง ศาลฎีกาพิพากษาโดยวินิจฉัยว่า นิติกรรมจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี และโฉนดเลขที่ 106205 ตำบลห้วยขวาง (สามเสนนอกฝั่งเหนือ) อำเภอห้วยขวาง (บางซื่อ) กรุงเทพมหานคร กับที่ดินอีก 2 แปลง ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกเป็นโมฆะ จึงมีผลให้การยึดทรัพย์ที่ดินดังกล่าวในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 10/2528 ของศาลชั้นต้น เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย และได้มีการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวไปแล้ว ขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าว และหากเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่สามารถเรียกโฉนดที่ดินคืนจากผู้ซื้อทรัพย์ได้ ขอให้สำนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นิติกรรมจำนองที่ดินทั้งสี่แปลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นโมฆะ แต่ไม่ได้วินิจฉัยว่า การยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือว่าการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดที่ดินทั้งสี่แปลงชอบด้วย กฎหมายแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการยึดทรัพย์ ให้ยกคำร้อง ตามสำเนาคำร้องขอเพิกถอนการยึดทรัพย์ โจทก์ไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น หลังจากนั้นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้เป็นคดีหมายเลขดำที่ ผบ. 1381/2552 อ้างความเป็นโมฆะของนิติกรรมจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ตามที่ศาลฎีกาวินิจฉัยไว้ในคดีหมายเลขแดงที่ ล.30/2538 ของศาลแพ่งอีก และขอให้เพิกถอนนิติกรรมการจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 นิติกรรมการจดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 ตามคำสั่งศาล นิติกรรมการจดทะเบียนโอนขายและจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 ภายหลังจากนั้นทั้งหมด ให้จำเลยที่ 6 ส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 7524 แก่โจทก์ กับให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนเพิกถอนนิติกรรมต่าง ๆ ดังกล่าวและจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้พิพากษายกฟ้อง ตามสำเนาคำฟ้องคดีผู้บริโภค โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ตามสำเนาอุทธรณ์ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เห็นว่า การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ในระหว่างที่คดีของศาลแพ่งกรุงเทพใต้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ดังกล่าว โดยโจทก์อ้างเหตุและมีคำขอท้ายฟ้องในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 เป็นอย่างเดียวกันกับคดีของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ อันเป็นการฟ้องในเรื่องเดียวกัน ฟ้องคดีนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 จึงเป็นฟ้องซ้อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1) นอกจากนี้การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคดีแพ่งหมายแดงที่ 10/2528 ให้ยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์และขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 และ 106205 ตามสำเนาคำร้องขอเพิกถอนการยึดทรัพย์ ซึ่งโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงถึงที่สุดแล้ว และย่อมผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 โจทก์จึงฟ้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 และ 106205 โดยอ้างเหตุความเป็นโมฆะของนิติกรรมการจำนองที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 อีกไม่ได้ เมื่อการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 และ 106205 ไม่ได้ถูกเพิกถอน จำเลยที่ 2 และที่ 7 ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 7524 และ 106205 ตามลำดับจากการขายทอดตลอด ย่อมมีสิทธิรับโอนที่ดินดังกล่าวตามคำสั่งศาล ทั้งมีสิทธิโอนต่อให้จำเลยอื่น และจำเลยอื่นมีสิทธิโอนต่อกันไปเป็นทอด ๆ รวมทั้งมีสิทธิจำนองและรับจำนองด้วย และการที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 มีสิทธิดังกล่าวมาแล้วก็ย่อมไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share