แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมื่อวันที่ 30 มี.ค.98 เวลากลางวันมีผู้ร้ายลักกระบือ 1 ตัว ราคา 800 บาทของโจทก์ซึ่งเลี้ยงไว้ตามทำเลไปรุ่งขึ้นเวลากลางวันจำเลยสมคบกับพวกฆ่ากระบือของโจทก์เอาเนื้อจำหน่ายอยู่ที่บ้านพันเหมือน เขตจังหวัดอุดรธานี ทั้งนี้โดยจำเลยสมคบกันลักกระบือของโจทก์ไปฆ่า มิฉะนั้นจำเลยก็สมคบกันรับกระบือของโจทก์รายนี้ไว้โดยรู้ว่าได้มาโดยทำผิดกฎหมายและระบุสถานที่เกิดเหตุเช่นนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ไม่เคลือบคลุม เพราะปรากฏว่าโจทก์ได้บรรยายการกระทำทั้งหลายเริ่มจากกระบือหายไปจากทำเลเลี้ยงแล้วจำเลยได้ฆ่ากระบือของโจทก์ในวันรุ่งขึ้นเกี่ยวโยงกันตามลำดับขอให้ศาลเลือกวินิจฉัยว่าเป็นความผิดฐานไรดังนี้เป็นอันแสดงข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้นๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว การพิจารณาฟ้องต้องอ่านข้อความทั้งหมดประกอบกัน มิใช่จับเอาเฉพาะตอนหนึ่งตอนใดเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องบรรยายความในข้อ 1 ว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 98 เวลากลางวัน ได้มีผู้ร้ายลักกระบือ 1 ตัวราคา 800 บาทของโจทก์ซึ่งเลี้ยงไว้ตามทำเลไปและฟ้องข้อ 2 ว่าวันที่ 31 มี.ค. 98 เวลากลางวันจำเลยได้สมคบกับพวกฆ่ากระบือของโจทก์เอาเนื้อจำหน่ายอยู่ที่บ้านพันเหมือนในเขตท้องที่จังหวัดอุดรธานี ทั้งนี้โดยจำเลยสมคบกันเป็นผู้ร้ายลักกระบือของโจทก์ไปฆ่าเอง มิฉะนั้นจำเลยก็สมคบกันรับกระบือของโจทก์รายนี้ไว้ด้วยความรู้สึกว่าเป็นกระบือที่ได้มาโดยการกระทำผิดต่อกฎหมาย ฯลฯ ขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีมีมูล วันนัดพิจารณาศาลสอบโจทก์ ๆแถลงว่า ในคดีที่โจทก์ฟ้องนี้ กระบือของโจทก์หายไปแต่เพียงวันเดียวคือวันที่ 30 มี.ค. 98 ศาลสั่งงดสืบพยาน วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความเกี่ยวโยงกัน โดยไม่มีวันเกิดเหตุว่าจำเลยลักหรือรับของโจรวันไหน ทั้งมิได้กล่าวว่ากระบือตัวที่ถูกฆ่าเป็นกระบือตัวที่ถูกลักไป เป็นฟ้องเคลือบคลุม ไม่สมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) กับคำพิพากษาฎีกาที่ 1627-1632/2492 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องโจทก์บรรยายชัดว่ากระบือที่ถูกคนร้ายลักไปนั้น ตัวเดียว ไม่มีบอกว่าหาอีก ทั้งมีรายละเอียดเกี่ยวโยงแสดงข้อเท็จจริงชัดแจ้งพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้แล้วไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ฎีกาที่ศาลชั้นต้นอ้าง รูปคดีไม่ตรงกับเรื่องนี้ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าโจทก์ได้บรรยายการกระทำทั้งหลายเริ่มจากกระบือหายไปจากทำเลเลี้ยงและจำเลยได้ฆ่ากระบือของโจทก์ในวันรุ่งขึ้น เกี่ยวโยงกันตามลำดับ ขอให้ศาลเลือกวินิจฉัยว่าเป็นความผิดฐานไร ดังนี้ เป็นอันแสดงข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆอีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว การพิจารณาฟ้อง ต้องอ่านข้อความทั้งหมดประกอบกันมิใช่จับเอาเฉพาะตอนหนึ่งตอนใดเท่านั้น พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์