คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 850/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยร่วมซึ่งเป็นลูกจ้างของตนขับรถบรรทุกดินไปส่ง ในระหว่างทางจำเลยร่วมใช้และยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ขับรถแทนโดยจำเลยร่วมนั่งไปด้วย จำเลยที่ 1 ได้ขับไปชนรถยนต์ของโจทก์โดยละเมิด ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยร่วมทำละเมิดด้วย เพราะเป็นความประมาทของจำเลยร่วมที่ใช้และยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ขับรถแทนตนและถือว่า จำเลยร่วมได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 2 จะไม่รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยร่วมใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถแทนจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างของจำเลยร่วมก็ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยร่วมได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 852/2495 และ 41/2502)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ ๒ โดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ชนรถยนต์ของโจทก์ที่ ๑ ด้วยความประมาทเป็นเหตุให้รถเสียหายและโจทก์ที่ ๒ ซึ่งนั่งมาในรถโจทก์ที่ ๑ ได้รับบาดเจ็บ ขณะเกิดเหตุนายประเดิมลูกจ้างขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ ได้จ้างหรือวานให้จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ แทนตน โดยความรู้เห็นยินยอมของจำเลยที่ ๒ และนายประเดิมนั่งไปกับรถนั้นด้วย จำเลยที่ ๒ ในฐานะนายจ้างของนายประเดิมจึงต้องร่วมรับผิดขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ทั้งสอง
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าจำเลยที่ ๒ ใช้ให้นายประเดิมลูกจ้างขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ขับรถยนต์บรรทุกหินไปส่งให้แก่ผู้ซื้อที่จำเลยที่ ๑ ขับรถของจำเลยที่ ๒ ชนโจทก์ เป็นความผิดของนายประเดิมที่ให้จำเลยที่ ๑ ขับรถแทน จำเลยที่ ๒ ไม่รู้เห็นยินยอม จึงไม่ต้องรับผิดค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินไป
หลังจากจำเลยที่ ๒ ให้การแล้ว โจทก์ขอให้เรียกนายประเดิมเข้ามาเป็นจำเลยร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมให้การว่า จำเลยร่วมและจำเลยที่ ๑ ต่างเป็นลูกจ้างขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ โดยผลัดเปลี่ยนกันขับ ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ เป็นคนขับ จำเลยร่วมเพียงแต่นั่งมาด้วย
ในวันนัดพร้อม โจทก์แถลงไม่ติดใจดำเนินคดีเฉพาะจำเลยที่ ๑ และจำเลยร่วมขอให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นอนุญาต โจทก์และจำเลยที่ ๒ แถลงรับกันว่าในวันเกิดเหตุจำเลยที่ ๒ ใช้ให้จำเลยร่วม ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ ขับรถบรรทุกดินไปส่งที่นครหลวงกรุงเทพธนบุรี ในระหว่างทางจำเลยร่วมใช้ให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ขับรถแทนตน โดยจำเลยที่ ๒ ไม่รู้เห็นยินยอมด้วย แล้วจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ชนรถยนต์ของโจทก์โดยละเมิดและเป็นความผิดของจำเลยที่ ๑เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายตามฟ้องในขณะเกิดเหตุจำเลยร่วมได้นั่งไปในรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ด้วย ต่างไม่สืบพยาน ขอให้ศาลวินิจฉัยไปตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ทั้งสองตามฟ้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยร่วมซึ่งเป็นลูกจ้างขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ใช้และยินยอมให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ แทน โดยจำเลยร่วมนั่งมาในรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ด้วย เมื่อจำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ที่ ๑ เสียหาย และเป็นเหตุให้โจทก์ที่ ๒ ได้รับบาดเจ็บต้องถือว่าจำเลยร่วมทำละเมิดด้วย เพราะเป็นความประมาทของจำเลยร่วมซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ ที่ใช้และยินยอมให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ ขับรถยนต์แทนตน อันเป็นการขาดความระมัดระวังตามวิสัยของปกติชน เมื่อจำเลยร่วมกระทำละเมิดดังกล่าวในขณะที่จำเลยที่ ๒ ใช้ให้จำเลยร่วมขับรถบรรทุกดินไปส่งที่นครหลวงกรุงเทพธนบุรี ถือว่าจำเลยร่วมซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ แม้จำเลยที่ ๒ ไม่รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยร่วมใช้ให้จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ แทนจำเลยร่วม จำเลยที่ ๒ ผู้เป็นนายจ้างของจำเลยร่วมก็ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดซึ่งจำเลยร่วมผู้เป็นลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๕ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๘๕๒/๒๔๙๕ ที่ศาลชั้นต้นอ้าง กับคำพิพากษาฎีกาที่ ๔๑/๒๕๐๒ที่โจทก์อ้างส่วนคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๘๐/๒๕๐๕ ที่จำเลยที่ ๒ อ้างไม่ตรงกับรูปคดีนี้ เพราะคดีนั้นเจ้าของรถยนต์ใช้ให้บุคคลอื่นขับรถยนต์ไม่ใช่ลูกจ้างของเจ้าของรถยนต์ใช้ให้บุคคลอื่นขับรถยนต์แทนอย่างเช่นคดีนี้
พิพากษายืน

Share