คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91(2) ที่บัญญัติให้ศาลลงโทษ ผู้กระทำความผิดทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่กรณีความผิด กระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปีแต่ไม่เกิน 10 ปี โทษจำคุกทั้งสิ้นรวมกันต้องไม่เกิน 20 ปี นั้นเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการลงโทษจำคุกจำเลยในกรณีที่จำเลยกระทำ ความผิดหลายกรรมแต่ถูกฟ้องเป็นคดีเดียว หรือในกรณีที่จำเลย ถูกฟ้องหลายคดี แต่เป็นคดีที่เกี่ยวพันกันจนศาลได้มีคำสั่ง ให้รวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน ส่วนคดีที่เกี่ยวพันกัน ซึ่งโจทก์ควรจะฟ้องจำเลยเป็นคดีเดียวกันหรือควรจะมีการรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน แต่โจทก์กลับแยกฟ้องเป็นหลายคดี และไม่มีการรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน ก็จะต้องอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91(2) เช่นเดียวกัน คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7008/2533 พนักงานอัยการ ฟ้องจำเลยในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ส่วนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 837/2531 และ 8729/2532 นั้น พนักงานอัยการฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7222/2532 เป็นข้อหายักยอกคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7009/2533 เป็นข้อหายักยอก และข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 ซึ่งความผิดตามที่ฟ้องและพยานหลักฐาน ที่จะต้องนำสืบในคดีต่าง ๆ ดังกล่าวแตกต่างกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7008/2533 จึงเป็นคดีที่ไม่เกี่ยวพันกัน ไม่อาจจะฟ้องเป็นคดี เดียวกันหรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ ส่วนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7024/2533 นั้น พนักงานอัยการฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522เกี่ยวกับความผิดที่จำเลยได้กระทำขึ้นในบริษัทเครดิตฟองซิเอร์เฉลิมโลก จำกัด ซึ่งเป็นคนละบริษัทกับที่จำเลยได้กระทำความผิดขึ้นในคดีอื่น ๆ จึงเป็นคดีที่ไม่เกี่ยวพันกัน ไม่อาจฟ้องจำเลยเป็นคดีเดียวกันหรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้เช่นกันจึงนับโทษจำคุกจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7008/2533,7024/2533 และคดีทั้งสี่ดังกล่าวติดต่อกันเกินกว่า 20 ปีได้คดีไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2)

ย่อยาว

คดีทั้งสามสำนวนศาลฎีกาเห็นสมควรพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 20 ปี นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 877/2531, 7222/2532, 8729/2532 และ 7009/2533 ของศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ 7009/2533 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 7 ปี 6 เดือน นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 837/2531,7222/2532, 8729/2532 ของศาลชั้นต้น เมื่อลงโทษจำคุกแล้วต้องไม่เกิน20 ปี และนับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7008/2533 ของศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7024/2533 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 9 ปี นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 837/2531, 7222/2532, 8729/2532, 7009/2533 และ 7008/2533 ของศาลชั้นต้น
จำเลยยื่นคำร้องในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7008/2533, 7009/2533 และ 7024/2533 ว่า จำเลยถูกพนักงานอัยการ กรมอัยการฟ้อง และถูกศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกในคดีต่าง ๆ รวม 6 คดี คือ
1. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 837/2531 จำคุก 10 ปี
2. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7222/2532 จำคุก 2 ปี 6 เดือนนับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 837/2531
3. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 8729/2532 จำคุก 1 ปีนับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 837/2531 และ 7222/2532
4. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7008/2533 จำคุก 20 ปี นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 837/2531, 7222/2532, 8729/2532และ 7009/2533
5. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7009/2533 จำคุก 7 ปี 6 เดือนนับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 837/2531, 7222/2532 และ8729/2532 เมื่อลงโทษจำคุกทั้งสิ้นแล้วต้องไม่เกิน 20 ปี และนับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7008/2533 ของศาลชั้นต้น
6. คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7024/2533 จำคุก 9 ปี นับโทษต่อจากคดีทั้งห้าดังกล่าวข้างต้น
การที่ศาลชั้นต้นนับโทษจำคุกจำเลยติดต่อกันเกิน 20 ปี ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) จึงขอให้นับโทษจำคุกจำเลยติดต่อกันทั้ง 6 คดีแล้วไม่เกิน 20 ปี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องทั้งสามสำนวน
นายสุพจน์ เดชสกุลธร จำเลยทั้งสามสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนทั้งสามสำนวน
นายสุพจน์ เดชสกุลธร จำเลยทั้งสามสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกรวม 6 คดี ได้แก่คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 837/2531,7222/2532, 8729/2532, 7008/2533, 7008/2533, 7009/2533และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7029/2533 เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7009/2533 ลงโทษจำเลย 7 ปี 6 เดือน ให้นับโทษต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 837/2531, 7222/2532, 8729/2532 เมื่อรวมโทษจำคุกทั้งสิ้นแล้วต้องไม่เกิน 20 ปี และให้นับโทษต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7244/2533 ซึ่งได้แก่คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7008/2533 ของศาลชั้นต้น ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7024/2533 ลงโทษจำคุกจำเลย 9 ปี ศาลชั้นต้นก็ให้นับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 837/2531, 7222/2532,8729/2532 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 7243/2533 และที่ 7244/2533(คดีอาญาหมายเลขดำทั้งสองคดีคืออาญาหมายเลขแดงที่ 7009/2533และ 7008/2533 เดิน 20 ปี ได้หรือไม่นั้น ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ส่งให้นับโทษจำเลยติดต่อกัน 4 คดี คือ คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 837/2531, 7222/2532, 8929/2532 และ 7009/2533รวมโทษจำคุกแล้วทั้งสิ้นไม่เกิน 20 ปี รายละเอียดปรากฏตามสำเนาคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7009/2533 ของศาลชั้นต้นเอกสารท้ายคำร้องของจำเลยลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2533 ไม่ปรากฏว่าโจทก์จำเลยได้อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว คำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7009/2533 ถึงที่สุด เมื่อนับโทษทั้ง 4 คดีดังกล่าว จึงต้องนับโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 20 ปี ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาการนับโทษใน 4 คดีดังกล่าวอีกคงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จะนับโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7008/2533,7024/2533 และคดีอาญาหมายเลขแดงอีก 4 คดีดังกล่าวข้างต้นติดต่อกันเกิน 20 ปี ได้หรือไม่
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91(2) ที่บัญญัติให้ศาลลงโทษผู้กระทำความผิดทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่กรณีความผิดกระทงหนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี โทษจำคุกทั้งสิ้นรวมกันต้องไม่เกิน20 ปีนั้น เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการลงโทษจำคุกจำเลยในกรณีที่จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมแต่ถูกฟ้องเป็นคดีเดียว หรือในกรณีที่จำเลยถูกฟ้องหลายคดีแต่เป็นคดีที่เกี่ยวพันกันจนศาลได้มีคำสั่งให้รวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน ส่วนคดีที่เกี่ยวพันกันซึ่งโจทก์ควรจะฟ้องจำเลยเป็นคดีเดียวกันหรือควรจะมีการรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันแต่โจทก์กลับแยกฟ้องเป็นหลายคดี และไม่มีการรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันก็จะต้องอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91(2) เช่นเดียวกันตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4527/2530ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรีโจทก์ จ่าสิบเอกเจริญชัยพราหมณ์น้อย จำเลย ตามที่จำเลยกล่าวอ้างในฎีกาแต่ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวเป็นเรื่องที่คดีทั้งสองมีโจทก์จำเลยเป็นคู่ความเดียวกัน จำเลยกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการทุจริตเงินบำนาญพิเศษจากส่วนราชการเดียวกัน พยานหลักฐานเกือบทั้งหมดเป็นชุดเดียวกัน จึงเป็นคดีที่เกี่ยวพันกันซึ่งโจทก์น่าจะฟ้องเป็นคดีเดียวกัน หรือขอให้ศาลรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้แต่คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7008/2533 พนักงานอัยการฟ้องจำเลยในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ส่วนคดีอาญาหมายแดงที่ 837/2531 และ 8729/2532 นั้นพนักงานอันการฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7222/2532 เป็นข้อหายักยอก คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7009/2533 เป็นข้อหายักยอก และข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดบริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 ซึ่งความผิดตามที่ฟ้องและพยานหลักฐานที่จะต้องนำสืบในคดีต่าง ๆ ดังกล่าวแตกต่างกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7008/2533 จึงเป็นคดีที่ไม่เกี่ยวพันกัน ไม่อาจจะฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ ส่วนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7024/2533 นั้น พนักงานอัยการฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 เกี่ยวกับความผิดที่จำเลยได้กระทำขึ้นในบริษัทเครดิตฟองซิเอร์เฉลิมโลก จำกัด ซึ่งเป็นคนละบริษัทกับที่จำเลยได้กระทำความผิดขึ้นในคดีอื่น ๆ จึงเป็นคดีที่ไม่เกี่ยวพันกัน ไม่อาจฟ้องจำเลยเป็นคดีเดียวกันหรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้เช่นกัน ข้อเท็จจริงในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7008/2533, 7024/2533 และคดีทั้งสี่ดังกล่าว จึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงในคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4527/2530ที่จำเลยกล่าวอ้าง จึงนับโทษจำคุกจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7008/2533, 7024/2533 และคดีทั้งสี่กล่าวติดต่อกันเกินกว่า20 ได้ คดีไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2)
พิพากษายืน

Share