คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สมาชิกประเภท 1 ต้องมีจำนวนเท่ากับประเภท 2 เฉพาะในระยะเวลาเริ่มแรกเท่านั้นไม่ใช่ต้องเท่ากันไปทั้งสิบปี สมาชิกประเภท 2 จะตั้งเพิ่มจากจำนวนเริ่มแรกก็ไม่ได้ลดก็ไม่ได้ เว้นแต่จะเข้าตามรัฐธรรมนูญ ม.116 ส่วนสมาชิกประเภทที่ 1 ย่อมต้องมีจำนวน เป็นไปตาม ก.ม.เลือกตั้ง
การร้องคัดค้านการเลือกตั้งนั้นศาลมีอำนาจพิจารณาได้ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ม.60, 61 รัฐธรรมนูญ ม.99 113,114
ผู้เลือกตั้งย่อมมีสิทธิร้องคัดค้านการเลือกตั้งได้เพราะเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายทางศาล.

ย่อยาว

คดี ๖ สำนวนนี้ผู้ร้องร้องเป็นใจความทำนองเดียวกันว่าการเลือกตั้งจังหวัดพระนครและธนบุรี เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๐ มิได้เป็นไปโดยชอบเพราะไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ม.๑๑๕ โดยที่สมาชิกประเภทที่ ๒ มี ๑๒๓ คน แต่การเลือกตั้ง รายพิพาทสมาชิกประเภทที่ ๑ เพิ่มเป็น ๑๖๐ คน เฉพาะเขตพระนครซึ่งจะเลือกได้ ๖ คนก็เพิ่มเป็น ๙ คน และเขตธนบุรี จะเลือกได้ ๒ คนก็เลือกเป็น ๓ คน ขอให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่
จำเลยต่อสู้ว่าการเลือกตั้งชอบแล้วกับตัดฟ้องว่าผู้ร้องไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้ และศาลไม่มีอำนาจพิจารณาคดี
ศาลแพ่งสั่งให้รวมพิจารณา คู่ความแถลงรับกันว่า เมื่อเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๔๙๕ สมาชิกประเภท ที่ ๒ มี ๑๒๓ คน และได้เลือกตั้งสมาชิกประเภทที่ ๑ ขึ้น ๑๒๓ คน เท่ากัน เป็นสมาชิกจากพระนคร ๖ คน จากธนบุรี ๒ คน ในการเลือกตั้งรายพิพาทนี้เลือกสมาชิกประเภทที่ ๑ ขึ้น ๖๐ คนเป็นสมาชิกจากพระนคร ๙ คน จากธนบุรี ๓ คน สมาชิก ประเภทที่ ๑ ที่เลือกตั้งครั้งพิพาทนี้แต่ละจังหวัดมีจำนวนหนึ่งคนต่อพลเมืองแสนห้าหมื่นคน คู่ความไม่สืบพยาน ศาลแพ่ง จึงทำความเห็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องศาลมีอำนาจพิจารณาได้ แต่ควรยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า
(๑) ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีนี้เพราะเป็นการขอให้มีการเลือกตั้งใหม่ตาม ก.ม.เลือกตั้ง ม.๖๑ ซึ่งในมาตรานี้ประกอบด้วย มาตรา ๖๐ บัญญัติให้ศาลเป็นผู้รับคำร้องคัดค้านแล้วพิจารณาส่งความเห็นให้ศาลฎีกาวินิจฉัย นอกจากนี้รัฐธรรมนูญ ม.๙๙, ๑๑๓, ๑๑๔ ก็สนับสนุนให้เห็นว่าศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยตีความรัฐธรรมนูญในปัญหาคดีนี้ได้ มีข้อยกเว้นแต่เฉพาะ เรื่องภายในวงงานของสภาและในเรื่องกฎหมายใดขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญเท่านั้น
(๒) โจทก์มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต่อศาลได้ เพราะ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ม.๖๐ บัญญัติให้โจทก์ร้องต่อศาล โจทก์จึงเป็นบุคคลที่จะต้องใช้สิทธิทางศาลตาม วิ.แพ่ง ม.๕๕
(๓) ฟ้องของโจทก์เท่าที่ได้บรรยายมานั้นชัดแจ้งแล้ว
(๔) จำนวนสมาชิกในการเลือกตั้งรายพิพาทนี้ถูกต้องตามกฎหมายเลือกตั้งแล้วคงมีปัญหาเฉพาะว่าสมาชิกประเภทที่ ๑ จำเป็นจะต้องมีจำนวนเท่ากับสมาชิกประเภทที่ ๒ หรือไม่ เห็นว่ารัฐธรรมนูญ ม.๑๑๕ ประกอบกับ ม.๑๑๖ แสดงว่าจำนวน สมาชิกประเภทที่ ๒ นั้นจะเพิ่มก็ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ จนกว่าจะถึงกำหนดที่บัญญัติไว้ตาม ม.๑๑๖ จำนวนสมาชิกประเภท ๑ และ ๒ จะมีจำนวนเท่ากันแต่ในเวลาเริ่มแรกเท่านั้น หาจำต้องเท่ากับตลอดระยะสิบปีไม่ ส่วนต่อไปจำนวนสมาชิก ประเภทที่ ๒ ย่อมต้องลดไปตาม ม.๑๑๖ และจะเพิ่มให้เท่ากับจำนวนสมาชิกประเภทที่ ๑ ไม่ได้ ฉะนั้นการเลือกตั้งรายพิพาท จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว มิได้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องเสีย.

Share