คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมโจทก์จำเลยตั้งใจจะทำสัญญาจำนองที่ดินต่อกัน แต่เห็นว่าดอกเบี้ยเกินอัตราในกฎหมายจึงเปลี่ยนความตั้งใจมาทำเป็นสัญญาขายฝาก แล้วให้จำเลยผู้ขายฝากเช่าไป ดังนี้ต้องบังคับกันตามสัญญาขายฝากและสัญญานี้สมบูรณ์ตามกฎหมาย

ย่อยาว

คดีนี้ได้ความว่า เดิมโจทก์จำเลยตกลงกันว่า จำเลยจะจำนองที่สวนรายพิพาทนี้กับโจทก์เป็นเงิน ๓๗๕๐ บาท โดยจะคิดดอกเบี้ยร้อยละ ๒ ต่อเดือน แต่โดยที่อัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากำหนดในกฎหมายโจทก์จำเลยจึงตกลงเปลี่ยนทำเป็นสัญญาขายฝาก โดยมีกำหนดไถ่ถอนกลับคืนกันใน ๖ ปี แล้วให้จำเลยเช่าโดยคิดค่าเช่าเดือนละ ๗๕ บาท ซึ่งเท่ากับร้อยละ ๒ ของต้นเงินนั้นเอง โดยการเช่านี้ก็ทำรวมอยู่ในตอนท้ายแห่งสัญญาขายฝากนั่นเอง บัดนี้จำเลยผิดสัญญา โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยโอนกรรมสิทธิในที่ดินแลเรียกค่าเช่าที่ค้างรวม ๕๐ เดือน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์จำเลยหาได้ตั้งใจทำสัญญาขายฝากแก่กันไม่ แต่เจตนาทำสัญญาจำนองกัน คดีเป็นนิติกรรมอำพรางคู่ความมีสิทธินำพะยานบุคคลมาสืบได้ เห็นว่าต้องบังคับตามลักษณจำนอง จึงพิพากษาให้จำเลยชำระต้นเงินแลดอกเบี้ยให้โจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้เดิมโจทก์จำเลยตั้งใจทำสัญญาจำนองกันแต่ก็ได้เปลี่ยนความตั้งใจมาสมัครใจทำกันเป็นสัญญาขายฝาก ซึ่งมีผลตามกฎหมายเก่ากับการขายขายเว้นแต่จำเลยจะซื้อคืนภายในกำหนดตามสัญญา เห็นว่าการขายฝากนี้ได้กระทำกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจะยกเอาความตั้งใจเดิมมาลบล้างสัญญานี้หาได้ไม่ จำเลยจำต้องปฏิบัติตามสัญญาขายฝาก จึงพิพากษาให้ที่ดินรายพิพาทเป็นสิทธิแก่โจทก์ แลให้จำเลยใช้ค่าเช่าที่ค้าง ๕๐ เดือนแก่โจทก์ด้วย

Share