แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยเสพสุราจนเมามากครองสติไม่ได้ ไม่มีเหตุทะเลาะวิวาทกับผู้เสียหายหรือผู้ใดในบริเวณที่เกิดเหตุเมื่อเดินออกมาที่ลานบ้านผู้เสียหายจำเลยกดไกปืน ทำให้ปืนลั่นโดยมิได้เจตนาจะยิงทำร้ายผู้ใดแต่เนื่องจากปืนของกลางเป็นปืนยิงเร็วและยิงกระสุนเป็นชุด จำเลยไม่สามารถบังคับทิศทางของกระสุนปืนได้ กระสุนปืนบางนัดจึงถูกบ้านผู้เสียหายหาใช่เจตนายิงใส่บ้านผู้เสียหายไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายกับพวกที่อยู่ในบ้าน
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง คืนของกลางแก่สถานีตำรวจภูธรอำเภอสวรรคโลก โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยกับจ่าสิบตำรวจสมศักดิ์ นามธง ได้ดื่มสุราที่บ้านนางน้อยตั้งแต่เวลาประมาณ 9 นาฬิกา จนถึงเวลาประมาณ 15 นาฬิกา จึงพากันมาดื่มต่อที่บ้านนายฟองและนางประไพรผู้เสียหาย โดยนายฟองได้มาร่วมดื่มสุราด้วย ต่อมานายฟองและจ่าสิบตำรวจสมศักดิ์เมาและนอนหลับอยู่ที่แคร่ใต้ถุนบ้าน จำเลยนั่งดื่มอยู่คนเดียวครั้นเวลาประมาณ 20 นาฬิกาเศษนางประไพรได้มาปลุกนายฟองและจ่าสิบตำรวจสมศักดิ์ขึ้นไปนอน หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง จำเลยออกมาที่ลานบ้านผู้เสียหายแล้วยิงปืนประมาณ 20 นัด กระสุนปืนบางนัดถูกฝาบ้านนางประไพรและถูกเพดานบ้านนางอัมพร สีทอง ผู้เสียหาย ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนที่จำเลยยิง ก่อนเกิดเหตุจำเลยไม่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้เสียหายหรือผู้หนึ่งผู้ใดในบริเวณเกิดเหตุเลย หลังเกิดเหตุแล้ว พันตำรวจตรีประทิน การะเกษ กับพวกไปพบจำเลยนั่งอยู่ที่ร้านวางของขายริมถนนพร้อมปืนของกลางห่างที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร จ่าสิบตำรวจสมศักดิ์เบิกความว่าสอบถามจำเลย จำเลยพูดจาไม่รู้เรื่อง นำไปสถานีตำรวจก็ไม่รู้เรื่องและร้อยตำรวจตรีธนยินทร์ เทพรักษา เบิกความว่า ขณะจับกุมจำเลยเมามาก ไม่ได้สอบถามรายละเอียด แสดงให้เห็นว่าขณะเกิดเหตุ จำเลยเมาสุรามากจนครองสติไม่ได้ จึงน่าเชื่อว่าระหว่างที่จำเลยถือปืนของกลางออกจากใต้ถุนบ้านผู้เสียหายเพื่อเดินไปที่ถนนนั้นเนื่องจากจำเลยไม่สามารถครองสติได้ เมื่อมาถึงลานบ้านผู้เสียหาย จำเลยได้กดไกปืน ทำให้ปืนลั่นขึ้นโดยจำเลยมิได้เจตนาจะยิงทำร้ายผู้ใด แต่เนื่องด้วยจำเลยเมามากและปืนของกลางเป็นปืนยิงกระสุนเป็นชุด จำเลยไม่สามารถบังคับทิศทางของกระสุนปืนได้ กระสุนปืนบางนัดจึงถูกบ้านผู้เสียหาย และหลังจากนั้นด้วยความมึนเมาครองสติไม่ได้ดังกล่าว จำเลยไม่ทราบว่าจะไปไหน จึงได้นั่งพักอยู่ที่ร้านวางของขายริมถนนดังกลาวจนกระทั่งพันตำรวจตรีประทินกับพวกไปพบเข้าและทำการจับกุม นอกจากนี้ตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.3 ซึ่งพันตำรวจตรีประทินทำขึ้นที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอสวรรคโลกในวันรุ่งขึ้น ก็ปรากฏว่าพันตำรวจตรีประทินแจ้งข้อหาจำเลยว่าเสพสุรามึนเมายิงปืนในหมู่บ้านโดยมีเหตุผลอันไม่สมควรและทำให้ทรัพย์สินของนางประไพร เกิดลาภ นางสมจิตร นามธง และนางอัมพร สีทอง ผู้เสียหายเท่านั้น ไม่มีข้อหาว่าจำเลยพยายามฆ่าบุคคลดังกล่าวเลย ตามพฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุผลน่าเชื่อว่า จำเลยยิงปืนในขณะมึนเมาสุราจนครองสติไม่ได้ โดยไม่มีเจตนาฆ่าพวกผู้เสียหายแต่อย่างใดกระสุนบางนัดถูกบ้านของผู้เสียหายโดยบังเอิญ หาใช่จำเลยเจตนายิงใส่บ้านผู้เสียหายแต่ประการใดไม่ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหายกับพวกที่อยู่ในบ้านศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน