คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4337/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีสินค้าที่พิพาทไม่อาจจัดเข้าในประเภทพิกัดอัตราศุลกากรใดโดยชัดแจ้ง จึงต้องตีความโดยอาศัยหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรในภาค 1 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2503 คือต้องตีความโดยจัดเข้าในประเภทเดียวกับของซึ่งใกล้เคียงกับของชนิดนั้นมากที่สุด
สินค้าพิพาทเป็นเครื่องบันทึกเทปโทรทัศน์ที่บันทึกได้ทั้งภาพและเสียงซึ่งมุ่งหมายที่จะใช้ในกิจการโทรทัศน์แต่เพียงอย่างเดียวโดยทำหน้าที่อย่างเดียวกับกล้องโทรทัศน์ และเป็นอุปกรณ์ของเครื่องส่งโทรทัศน์ทั้งยังมุ่งหมายใช้ในกิจการสื่อสารและโทรคมนาคมเช่นเดียวกับสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ 85.15 ก. จึงมีลักษณะแตกต่างกับสินค้าตามพิกัดประเภทที่ 92.11 ซึ่งเป็นสินค้าเกี่ยวกับเสียงแต่เพียงอย่างเดียวนำไปใช้กับภาพไม่ได้เลยและมิใช่สินค้าที่นำไปใช้ในกิจการโทรทัศน์โดยตรง สินค้ารายพิพาทจึงไม่อาจจัดเข้าในพิกัดประเภทที่ 92.11 แต่สมควรจัดอยู่ในพิกัดประเภทที่ 95.15 ก.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้นำสินค้าเครื่องบันทึกเทปโทรทัศน์พร้อมอุปกรณ์ ๑ ชุด จากประเทศสหรัฐอเมริกาเข้ามาในราชอาญาจักรไทย จำเลยทั้งสองได้ยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าต่อโจทก์ที่ ๑ โดยสำแดงราคาสินค้า เพื่อเสียภาษีอากรในพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ ๘๕.๑๕ ก. ต่อมาพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ ๑ ได้ตรวจสอบสินค้าตามใบขนดังกล่าวแล้ว ปรากฏว่าสินค้าที่จำเลยนำเข้ามานั้นมิใช่เป็นสินค้าประเภทพิกัดที่ ๘๕.๑๕ ก. แต่เป็นสินค้าประเภทพิกัดที่ ๙๒.๑๑ จึงขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระเงินภาษีอากรพร้อมเงินเพิ่มตามฟ้องแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า สินค้าที่จำเลยนำเข้ามานั้นไม่ใช่เป็นสินค้าที่ต้องเสียภาษีอากรในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๙๒.๑๑ แต่เป็นสินค้าที่ต้องเสียภาษีอากรในพิกัดศุลกากรประเภทที่ ๘๕.๑๕ ก. ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องของโจทก์ทั้งสองเสีย
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๒๐ จำเลยที่ ๑ สั่งสินค้าเครื่องบันทึกเทปโทรทัศน์พร้อมอุปกรณ์ ๑ ชุด จากประเทศสหรัฐอเมริกาเข้ามาในราชอาญาจักร โดยสำแดงว่าอยู่ในพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ ๘๕.๑๕ ก. ตามใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าหมาย จ.๙ ปัญหาในชั้นนี้มีว่าสินค้าดังกล่าวอยู่ในพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ ๘๕.๑๕ ก. ตามที่จำเลยกล่าวอ้างหรือประเภทที่ ๙๒.๑๑ ตามที่โจทก์นำสืบ
สินค้าตามพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ ๘๕.๑๕ ก. ได้แก่เครื่องวิทยุโทรเลข เครื่องวิทยุโทรทัศน์ เครื่องส่งวิทยุ เครื่องส่งโทรทัศน์และกล้องถ่ายโทรทัศน์ ส่วนสินค้าตามพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ ๙๒.๑๑ ก็คือหีบเสียง เครื่องสั่งงาน เครื่องบันทึกเสียง และเครื่องเปล่งเสียง (เซานด์ริโปรดิวเซอร์) อย่างอื่น รวมทั้งเครื่องเล่นจานเสียงและเครื่องม้วนเทปอัดเสียงจะมีหัวเข็ม (เซานด์เฮด) ด้วยหรือไม่ก็ตาม สินค้าที่พิพาทกันในคดีนี้คู่ความรับกันว่าไม่อาจจัดเข้าประเภทใดโดยชัดแจ้ง จึงต้องตีความโดยอาศัยหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรในภาค ๑ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๐๓ คือต้องตีความโดยจัดเข้าในประเภทเดียวกับของซึ่งใกล้เคียงกับของชนิดนั้นมากที่สุด สินค้าที่พิพาทกันในคดีนี้เป็นเครื่องบันทึกเทปโทรทัศน์ที่บันทึกได้ทั้งภาพและเสียงซึ่งมุ่งหมายที่จะใช้ในกิจการโทรทัศน์แต่เพียงอย่างเดียว จึงมีลักษณะแตกต่างกับสินค้าตามพิกัดประเภทที่ ๙๒.๑๑ อย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือสินค้าตามพิกัดดังกล่าวเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับเสียงแต่เพียงอย่างเดียวนำไปใช้เกี่ยวกับภาพไม่ได้เลย นอกจากนี้สินค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่มิใช่เป็นสินค้าที่นำไปใช้ในกิจการโทรทัศน์โดยตรง ดังนั้นสินค้ารายพิพาทจึงไม่อาจจัดเข้าในพิกัดนี้ได้ นายสมชาย เอี่ยมโอภาส พยานโจทก์ผู้พิจารณาปัญหาพิกัดสำหรับสินค้ารายนี้ก็เบิกความว่า สินค้าพิพาทเป็นเครื่งบันทึกภาพและเสียงโทรทัศน์ กล้องถ่ายโทรทัศน์ เครื่องฉายภาพยนตร์โทรทัศน์หรือเครื่องบันทึกภาพและเสียงโทรทัศน์นั้นทำหนาที่อย่างเดียวกันคือ ส่งสัญญาเข้าเครื่องส่งโทรทัศน์เพื่อส่งต่อไปยังสถานีส่งโทรทัศน์เพื่อแพร่ภาพและเสียง กล้องถ่ายโทรทัศน์ เครื่องฉายภาพยนตร์ทางโทรทัศน์หรือเครื่องบันทึกภาพและเสียงโทรทัศน์นั้นเป็นอุปกรณ์ในการส่งโทรทัศน์ เครื่องบันทึกภาพและเสียงโทรทัศน์ถือว่าเป็นอุปกรณ์ประกอบของเครื่องส่งโทรทัศน์ เมื่อสินค้ารายพิพาททำหน้าที่อย่างเดียวกับกล้องถ่ายโทรทัศน์เป็นอุปกรณ์ของเครื่องส่งโทรทัศน์ ทั้งยังมุ่งหมายใช้ในกิจการสื่อสารและโทรคมนาคมเช่นเดียวกับสินค้าตามพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่ ๘๕.๑๕ ก. จึงสมควรจัดสินค้ารายพิพาทเข้าอยู่ในพิกัดนี้ ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาคดีชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share