คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8469/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

พ.ร.ก.บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ฯ มิได้มีบทบัญญัติยกเว้นหลักเกณฑ์ของ พ.ร.บ.ล้มละลาย ฯ มาตรา 9 และมาตรา 10 ทั้ง พ.ร.ก.บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ฯ มาตรา 58 วรรคสี่ ก็บัญญัติให้ศาลและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย กรณีจึงต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยเงื่อนไขในการฟ้องคดีล้มละลายมาใช้บังคับด้วย มาตรา 58 วรรคสี่ จึงเป็นบทบัญญัติในส่วนวิธีพิจารณาที่ใช้แทนการฟ้องคดีล้มละลายทั่วไปและเป็นบทบัญญัติที่ให้ดุลพินิจแก่ศาลที่จะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อเข้าหลักเกณฑ์อันเป็นเงื่อนไขของการฟ้องคดีล้มละลายครบถ้วนแล้วเท่านั้น เมื่อตามคำร้องปรากฏว่าลูกหนี้เป็นหนี้ บสท. อันมีจำนวนไม่ถึง 1,000,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย ฯ มาตรา 9 (2) ผู้ร้องจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ลูกหนี้เพิกเฉยไม่ติดต่อหรือเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้ต่อผู้ร้องตามที่ผู้ร้องบอกกล่าว ทั้ง ๆ ที่ลูกหนี้อยู่ในฐานะที่สามารถดำเนินการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับผู้ร้องได้ ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดตามพระราชกำหนดบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ.2544 มาตรา 58 วรรคสี่
ศาลล้มละลายกลางพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “กรณีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ร้องสามารถนำหนี้ที่ลูกหนี้คงค้างชำระอยู่จำนวน 455,777.66 บาท มาร้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดตามพระราชกำหนดบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ.2544 มาตรา 58 วรรคสี่ ได้หรือไม่ ตามบทบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่า “ถ้าลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันไม่ให้ความร่วมมือกับ บสท. ในการปรับโครงสร้างหนี้ตามที่ บสท. สั่งโดยที่ตนอยู่ในฐานะที่จะดำเนินการได้ หรือยักย้ายถ่ายเท หรือปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินของตน ให้ บสท. ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกัน แล้วแต่กรณี โดยไม่ต้องดำเนินการไต่สวน และให้ศาลและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลายต่อไปโดยเร็ว” เห็นว่า บทบัญญัติดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อให้กระบวนการแก้ไขปัญหาของสถาบันการเงินที่มีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพสำเร็จเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว โดยหากลูกหนี้มีลักษณะเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติล้มละลายที่อาจถูกฟ้องคดีล้มละลายและลูกหนี้ไม่ให้ความร่วมมือกับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยหรือ บสท. ในการปรับโครงสร้างหนี้ หรือยักย้ายหรือปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินของตนก็ให้ บสท. ยื่นคำร้องต่อศาลได้ และเมื่อข้อเท็จจริงดังกล่าวปรากฏชัดตามคำร้องและเอกสารต่าง ๆ ที่ บสท. ได้แนบท้ายคำร้องเสนอต่อศาลแล้ว ศาลก็มีดุลพินิจที่จะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของลูกหนี้โดยทันที โดยไม่จำต้องไต่สวนอีก กรณีหาใช่จะอาศัยเพียงหลักเกณฑ์ว่า หากลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันไม่ให้ความร่วมมือกับ บสท. แล้ว บสท. สามารถร้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว จำนวนหนี้นั้นไม่น้อยกว่า 1,000,000 บาท หรือ 2,000,000 บาท แล้วแต่กรณี และหนี้นั้นอาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนหรือไม่ด้วยแต่อย่างใดไม่ ทั้งพระราชกำหนดบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ก็มิได้มีบทบัญญัติยกเว้นหลักเกณฑ์ของพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 9 และมาตรา 10 ไว้นอกจากนี้การที่ บสท. ได้รับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมานั้น ย่อมเป็นการรับโอนสิทธิทั้งหลายที่สถาบันการเงินผู้โอนมีต่อลูกหนี้ เช่นนี้ บสท. เป็นแต่เพียงผู้รับโอนหนี้ดังกล่าวมา หากว่าสถาบันการเงินผู้โอนไม่มีอำนาจฟ้องให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลาย เพราะลูกหนี้ไม่ได้มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือหนี้มีจำนวนไม่ถึง 1,000,000 บาท แม้ว่าลูกหนี้จะไม่ให้ความร่วมมือกับ บสท. หรือมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินดังคำร้อง ศาลก็ไม่อาจมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ทั้งในมาตรา 58 วรรคสี่ ก็บัญญัติให้ศาลและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย กรณีจึงต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยเงื่อนไขในการฟ้องคดีล้มละลายมาใช้บังคับด้วย บทบัญญัติมาตรา 58 วรรคสี่ ที่ให้ บสท. ยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจึงเป็นบทบัญญัติในส่วนวิธีพิจารณาที่ใช้แทนการฟ้องคดีล้มละลายทั่วไปและเป็นบทบัญญัติที่ให้ดุลพินิจแก่ศาลที่จะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อเข้าหลักเกณฑ์อันเป็นเงื่อนไขของการฟ้องคดีล้มละลายครบถ้วนแล้วเท่านั้น เมื่อตามคำร้องปรากฏว่าลูกหนี้เป็นหนี้ บสท. เพียง 455,777.66 บาท อันมีจำนวนไม่ถึง 1,000,000 บาท ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 9 (2) ผู้ร้องจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดได้ ที่ศาลล้มละลายกลางพิพากษายกฟ้อง (ที่ถูก ยกคำร้อง) มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share