แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2545 จำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2544 จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2545 เกินกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงเป็นอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบ มาตรา 246 และมาตรา 247 และถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 1 จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกา ตามมาตรา 249 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 89049 ตำบลในคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ (เมือง) จังหวัดสมุทรปราการและบ้านเลขที่ 100/260 หมู่ที่ 5 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวและให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินและบ้านดังกล่าวให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท
วันที่ 4 กรกฎาคม 2545 จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่โดยอ้างว่า จำเลยมอบอำนาจให้นายจตุรงค์ แสงเงิน ดำเนินคดีแทน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2544 จำเลยเดินทางไปทำงานที่ประเทศไอร์แลนด์และเดินทางกลับประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน 2545 จึงไม่ทราบว่าถูกฟ้อง จำเลยเพิ่งทราบจากบุตรของจำเลยว่าถูกฟ้องเมื่อกลางเดือนมิถุนายน 2545 จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า ตามคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เกินกำหนดเวลาตามมาตรา 199 จัตวา ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับการมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจดำเนินคดีแทน ทนายจำเลยจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่และยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น จึงไม่รับอุทธรณ์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ให้จำเลย
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2545 เพราะไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนเกี่ยวกับการมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจดำเนินคดีแทน ทนายจำเลยจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่และยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น หากจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวจำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ โดยต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ซึ่งครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ในวันที่ 15 สิงหาคม 2545 จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2545 จึงเป็นการยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงเป็นอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบที่จะปฏิเสธไม่รับวินิจฉัยให้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบ มาตรา 246 และมาตรา 247 และถือไม่ได้ว่าฎีกาของจำเลยเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 1 จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 และยกฎีกาของจำเลยให้คืนค่าคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์จำนวน 40 บาท และค่าขึ้นศาลฎีกาแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมนอกจากที่สั่งคืนในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ.