คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีอาญา จำเลยถอนฎีกาโดยกล่าวว่า ขอถอนชั่วคราวเพื่อไปจัดทำฎีกามายืนใหม่ เมื่อศาลอนุญาตแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิยื่นฎีกาใหม่ภายในอายุความฎีกา
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2503)
โจทก์กล่าวฟ้องมีสาระสำคัญว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูง และด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุในรถของจำเลยชนและทับผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตาย ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูง แม้เมื่อเข้าทางโค้งก็มิได้ลดความเร็วเป็นเหตุให้รถจำเลยชนเสาบอกแนวโค้งของถนนแล้วแฉลบไปชนผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตาย ดังนี้ถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยตามฟ้องได้

ย่อยาว

คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก ๗ ปี เพราะจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทชนนายหลวยตาย
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๐๒
จำเลยยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๐๒ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยเพียงข้อเดียวเฉพาะข้อ ๒ ข. ซึ่งจำเลยฎีกาว่า ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับคำฟ้อง
ต่อมาวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๐๒จำเลยยื่นคำร้องขอถอนฎีกาอ้างว่า เพื่อจะได้ไปจัดทำฎีกามายื่นใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาต
วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๐๒ จำเลยทำฎีกายื่นขึ้นมาใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาเฉพาะข้อกฎหมาย ๒ ข้อ
ปัญหามีว่า ฎีกาของจำเลยซึ่งยื่นใหม่นี้ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่มีความเห็นว่า เพราะในการร้องขอถอนฎีกาฉบับแรกจำเลยก็ได้ระบุไว้ว่าขอถอนชั่วคราว เพื่อไปจัดทำฎีกามายื่นใหม่ และศาลชั้นต้นก็ได้อนุญาต ทั้งฎีกาที่ยื่นใหม่จำเลยก็ยื่นภายในกำหนดอายุความฎีกา จึงรับฎีกาจำเลยไว้พิจารณาได้
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องและว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงโดยไม่มีพยานสนับสนุนนั้น ในปัญหาแรก ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า สาระสำคัญที่โจทก์กล่าวหาอยู่ที่ว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูงและด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุในรถของจำเลยชนและทับผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตาย ทางพิจารณาได้ความทำนองนี้ คือ จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูง แม้เมื่อเข้าทางโค้งก็มิได้ลดความเร็วเป็นเหตุให้รถจำเลยชนเสาบอกแนวโค้งของถนนแล้วแฉลบไปชนผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตาย ดังนี้ถือว่าสาระสำคัญที่โจทก์หาว่าจำเลยทำให้คนตายโดยประมาทตามที่กล่าวในฟ้อง มิได้แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้ความในชั้นพิจารณาแต่ประการใด ในปัญหาหลัง ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงโดยมีพยานหลักฐานในท้องสำนวนสนับสนุนอยู่แล้วศาลฎีกาพิพากษายืน

Share