คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในการทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาท ผู้ร้องกับผู้ขายตกลงกันไว้ว่าให้ผู้ร้องชำระค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือภายใน 1 ปี แล้วจึงจะโอนกรรมสิทธิ์กัน เมื่อผู้ร้องไม่ได้ชำระค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือ แม้ผู้ขายจะมอบที่พิพาทให้ผู้ร้องเข้าครอบครองแล้ว ก็ถือไม่ได้ว่าผู้ขายมีเจตนาสละการครอบครองที่พิพาทให้ผู้ร้องซึ่งเป็นเพียงผู้จะซื้อ การที่ผู้ร้องเข้าครอบครองที่พิพาทก็โดยอาศัยสิทธิของผู้ขายตามสัญญาจะซื้อขายเป็นการยึดถือแทนผู้ขาย มิใช่ยึดถือในฐานะเป็นเจ้าของ ผู้ร้องครอบครองที่พิพาทเกินกว่า 10 ปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องตกลงจะซื้อที่ดินจากร้อยตำรวจเอกพยัคฆ์ สะหนิบุตร ผู้ขายโดยวางมัดจำไว้ ผู้ขายมอบที่ดินให้ผู้ร้องครอบครองผู้ร้องชำระค่าที่ดินส่วนที่เหลือให้แก่ผู้ขายแล้วผู้ร้องครอบครองที่ดินโดยสงบ เปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ขอให้มีคำสั่งว่าผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวและสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินใส่ชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ด้วย ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ขาย ผู้ขายไม่เคยขายหรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นขายที่ดินให้ผู้ร้อง ผู้ร้องไม่เคยเข้าครอบครองที่พิพาท ขอให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องผู้ร้องอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาตามฎีกาของผู้คัดค้านข้อต่อไปว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์แล้วหรือไม่เห็นว่าผู้ร้องนำสืบอ้างว่า ในการทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายหรือวางมัดจำเอกสารหมาย จ.3 ผู้ร้องกับร้อยตำรวจเอกพยัคฆ์ตกลงกันว่าให้ผู้ร้องชำระเงินส่วนที่เหลือภายใน 1 ปี แล้วจึงจะไปโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทกัน เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องได้ชำระเงินค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือให้แก่ร้อยตำรวจเอกพยัคฆ์ แม้ว่าร้อยตำรวจเอกพยัคฆ์ได้มอบที่พิพาทให้ผู้ร้องเข้าครอบครองแล้วก็ตามก็ถือไม่ได้ว่าร้อยตำรวจเอกพยัคฆ์มีเจตนาสละการครอบครองที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นเพียงผู้จะซื้อ ดังนั้น การที่ผู้ร้องเข้าครอบครองที่พิพาทจึงเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของร้อยตำรวจเอกพยัคฆ์ตามหนังสือสัญญาจะซื้อขายหรือสัญญาวางมัดจำเอกสารหมาย จ.3อันเป็นการยึดถือที่พิพาทแทนร้อยตำรวจเอกพยัคฆ์ มิใช่เป็นการยึดถือในฐานะเป็นเจ้าของ ทั้งไม่ปรากฏว่าต่อมาผู้ร้องได้เปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือโดยบอกกล่าวไปยังร้อยตำรวจเอกพยัคฆ์หรือทายาทว่าไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทน ถึงแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่า ผู้ร้องจะได้ครอบครองที่พิพาทมาเกินกว่า 10 ปี ก็หาได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ไม่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาผู้คัดค้านฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

Share