คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8443/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2554 โจทก์จ่ายค่ารักษาพยาบาล พ. อันเป็นค่าเสียหายเบื้องต้นตามกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ โจทก์ย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยผู้ก่อให้เกิดความเสียหายได้ตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มิใช่เรื่องการรับช่วงสิทธิ ส่วนค่าเสียหายจำนวน 40,000 บาท ที่จำเลยตกลงจ่ายแก่ พ. ตามบันทึกรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีนั้นเป็นข้อตกลงที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่โจทก์จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นแล้ว ค่าเสียหายที่จำเลยตกลงจ่ายแก่ พ. จึงเป็นค่าสินไหมทดแทนนอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาลที่โจทก์จ่ายไป ถือเป็นค่าเสียหายเพิ่มเติมในทางแพ่งที่ พ. มีสิทธิเรียกจากจำเลยผู้ทำละเมิดได้อีกส่วนหนึ่งต่างหาก ตามมาตรา 22 ไม่ทำให้ค่าเสียหายเบื้องต้นที่โจทก์จ่ายแทนไปก่อนระงับไป โจทก์จึงมีสิทธิไล่เบี้ยค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายเป็นค่าเสียหายเบื้องต้นคืนจากจำเลยได้

ย่อยาว

ย่อยาวคำพิพากษาฎีกาที่ 8443/2559

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวคืนได้พร้อมดอกเบี้ยจำนวน ๔๖๓ บาท รวมเป็นเงินจำนวน ๑๕,๒๙๓ บาท ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๑๕,๒๙๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๑๔,๘๓๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๑๔,๘๓๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ทั้งนี้ ดอกเบี้ยถึงวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันฟ้องต้องไม่เกินจำนวน ๔๖๓ บาท ตามที่โจทก์ขอ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๕ นาฬิกา จำเลยขับรถโดยประมาทเลินเล่อออกจากข้างทางอย่างกะทันหันโดยไม่ตรวจสอบว่ามีรถคันอื่นแล่นผ่านมาหรือไม่ เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน ขกข พะเยา ๓๘๔ ซึ่งนายเพ็ง เป็นผู้ขับขี่ โดยมีโจทก์เป็นผู้รับประกันภัยตามกรมธรรม์ ทำให้นายเพ็ง ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลพะเยารามและรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย ต่อมาวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔ โรงพยาบาลพะเยารามยื่นคำร้องขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นค่ารักษาพยาบาลของนายเพ็งในฐานะเป็นผู้ประสบภัยจากรถตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ จำนวน ๑๔,๘๓๐ บาท โจทก์ชำระไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๔ ตามใบคำร้องขอค่าเสียหายพร้อมใบรับรองแพทย์และใบเสร็จรับเงิน โจทก์ถึงทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ แต่หลังเกิดเหตุจำเลยได้ตกลงชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายเพ็ง ๔๐,๐๐๐ บาท ตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๔ ต่อมาจำเลยผิดนัด นายเพ็งจึงฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งต่อศาลชั้นต้นและทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ ศาลมีคำพิพากษาตามยอมแล้วเป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๖๕๕/๒๕๕๔ ของศาลชั้นต้น ตามสำเนาคำฟ้องสำเนาสัญญาประนีประนอมยอมความและสำเนาคำพิพากษาตามยอม นอกจากนี้จำเลยถูกพนักงานอัยการจังหวัดพะเยาฟ้องเป็นคดีอาญาในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้วตามสำเนาคำฟ้องคดีอาญา สำเนาคำแถลงขอชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและคำพิพากษาคดีอาญา
คดีมีปัญหาเฉพาะข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่เพียงใด เห็นว่า หลังเกิดเหตุนายเพ็งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพะเยาราม โรงพยาบาลพะเยารามจึงยื่นคำร้องแทนนายเพ็งขอให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายเบื้องต้นตามกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เมื่อโจทก์จ่ายค่ารักษาพยาบาลซึ่งเป็นค่าเสียหายเบื้องต้นไปแล้ว จึงมีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยผู้ก่อให้เกิดความเสียหายได้ตาม มาตรา ๓๑ ของพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ มิใช่เรื่องการรับช่วงสิทธิ ส่วนค่าเสียหายที่จำเลยตกลงจ่ายเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท ให้แก่นายเพ็งตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ปรากฏว่าวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔ โรงพยาบาลพะเยารามซึ่งเป็นสถานพยาบาลที่รักษานายเพ็งยื่นคำร้องขอให้โจทก์จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๔ โจทก์จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นแก่โรงพยาบาลพะเยาราม ต่อมาวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๔ จำเลยจึงได้ตกลงใช้ค่าเสียหายแก่นายเพ็ง ๔๐,๐๐๐ บาท ตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีดังกล่าว แต่จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเสียหาย นายเพ็งจึงฟ้องจำเลยเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าว และวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ ศาลมีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงินแก่นายเพ็ง จึงถือได้ว่าจำเลยทราบว่าโจทก์ได้ชำระค่ารักษาพยาบาลอันเป็นค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่โรงพยาบาลพะเยารามแล้ว ก่อนที่จำเลยและนายเพ็งจะตกลงค่าเสียหายกันตามบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี ดังกล่าว ค่าเสียหายที่จำเลยตกลงจ่ายให้แก่นายเพ็งจึงเป็นค่าสินไหมทดแทนนอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาลที่โจทก์จ่ายไป ถือเป็นค่าเสียหายเพิ่มเติมในทางแพ่งที่นายเพ็งมีสิทธิเรียกจากจำเลยผู้ทำละเมิดได้อีกส่วนหนึ่งต่างหากตาม มาตรา ๒๒ ไม่ทำให้ค่าเสียหายเบื้องต้นของนายเพ็งที่โจทก์ชำระแทนไปก่อนระงับไป ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิไล่เบี้ยค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายเป็นค่าเสียหายเบื้องต้นคืนจากจำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาข้ออื่นของจำเลย ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share