แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ในคดีล้มละลายนั้นเจ้าหนี้มีประกันจะยื่นคำขอรับชำระหนี้หรือไม่ก็ได้ แต่ต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจตราทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน ซึ่งตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 95 กำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจดูทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันเท่านั้นมิได้บังคับให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องดำเนินการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันให้แก่เจ้าหนี้มีประกันเสมอไป ซึ่งการตรวจดูทรัพย์สินตามมาตรา 95 นั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะกระทำด้วยการสอบสวนหรือขอมติที่ประชุมเจ้าหนี้ตามคำสั่งของอธิบดีกรมบังคับคดีก็ได้ ถ้าปรากฎว่าทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันมีราคามากกว่าจำนวนหนี้ ราคาส่วนที่เกินจำนวนหนี้ย่อมเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะรวบรวมจัดการตามมาตรา 22 และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจขายตามวิธีการที่สะดวกและเป็นผลดีที่สุดตามมาตรา 123 ในกรณีเช่นนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีหน้าที่ต้องดำเนินการยึดทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันออกขายตามคำร้องของเจ้าหนี้ จะสั่งงดดำเนินการและให้เจ้าหนี้ไปดำเนินการตามกฎหมายอื่นไม่ได้ แต่ถ้าปรากฎว่าจำนวนหนี้ท่วมราคาทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันและไม่มีกรณีต้องร้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลหรือกระทำการใดแล้ว ประกอบกับที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติไม่ประสงค์จะดำเนินการต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน เนื่องจากเห็นว่าจำนวนหนี้ค้างชำระท่วมราคาทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน การบังคับคดีต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันไม่มีประโยชน์ต่อกองทรัพย์สินของลูกหนี้แต่อย่างใด ที่ผู้คัดค้านมีคำสั่งงดดำเนินการต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้จึงชอบแล้ว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2542 โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาด และพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2542 และพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2543
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้มีประกันของลูกหนี้ตามหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน โฉนดที่ดินเลขที่ 24503 เลขที่ดิน 124 หน้าสำรวจ 3719 ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2544 ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้มีประกันยื่นคำร้องต่อผู้คัดค้านขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 95 ในต้นเงิน 6,500,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ไม่มีเจ้าหนี้ผู้ใดคัดค้านในมูลหนี้ของผู้ร้อง ต่อมาระหว่างดำเนินการของผู้คัดค้าน อธิบดีกรมบังคับคดีมีคำสั่งที่ 5/2545 เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2545 ว่าก่อนดำเนินการสอบสวนเจ้าหนี้มีประกันที่ยื่นคำร้องตามมาตรา 98 แห่ง พระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483 ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นำเสนอหลักประกันและหนี้ที่มีประกันต่อที่ประชุมเจ้าหนี้พิจารณาว่าประสงค์จะดำเนินการต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันหรือไม่ หากที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติไม่เห็นชอบให้ดำเนินการ ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์งดดำเนินการต่อทรัพย์สินนั้น การงดดำเนินการไม่ตัดสิทธิเจ้าหนี้มีประกันที่จะไปดำเนินการต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันตามกฎหมายอื่นหลังมีคำสั่งดังกล่าวผู้คัดค้านนัดประชุมเจ้าหนี้เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2545 และได้ให้เจ้าหนี้ลงมติว่าจะดำเนินการต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันของผู้ร้องหรือไม่ ที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติว่าไม่ดำเนินการต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน ผู้คัดค้านจึงสั่งงดดำเนินการและให้ผู้ร้องไปดำเนินการต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันตามกฎหมายอื่น ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อผู้คัดค้านขอให้ยกเลิกมติที่ประชุมเจ้าหนี้และคำสั่งของผู้คัดค้าน และให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ผู้คัดค้านมีคำสั่งยกคำร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งกลับคำสั่งผู้คัดค้านโดยให้ผู้คัดค้านดำเนินการยึดทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่ผู้ร้องต่อไป
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้มีประกันไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายในกำหนดระยะเวลา 2 เดือนตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 91 และ 96 แต่ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2544 ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 95 เนื่องจากเป็นผู้รับจำนองที่ดินผู้ร้องจึงมีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันได้โดยไม่ต้องขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายต่อผู้คัดค้านอย่างเจ้าหนี้ไม่มีประกัน ซึ่งมาตรา 95 นี้มิได้บัญญัติให้ผู้คัดค้านต้องดำเนินการยึดและขายทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันให้แก่ผู้ร้อง คำสั่งกรมบังคับคดี 5/2545 และมติที่ประชุมเจ้าหนี้ในวันที่ 4 มีนาคม 2545 เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายขอให้มีคำสั่งยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายพิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้มีประกัน โดยเป็นเจ้าหนี้รับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 24503 ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ของลูกหนี้ ผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2544 ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อผู้คัดค้านในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 95 โดยขอให้ผู้คัดค้านยึดทรัพย์จำนองดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่ผู้ร้อง ผู้คัดค้านรับคำร้องไว้และดำเนินการไต่สวนโดยได้ส่งสำเนาคำร้องของผู้ร้องให้เจ้าหนี้อื่น ๆ แล้ว ต่อมาวันที่ 2 มกราคม 2545 อธิบดีกรมบังคับคดีมีคำสั่งที่ 5/2545 ว่า เมื่อมีการยื่นคำร้องตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 95 ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นำเสนอหลักประกันและหนี้ที่มีประกันต่อ ที่ประชุมเจ้าหนี้ก่อนว่าที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการหรือไม่ หากที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติไม่เห็นชอบ ก็ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์งดดำเนินการต่อทรัพย์สินนั้น วันที่ 4 มีนาคม 2545 ผู้คัดค้านนัดประชุมเจ้าหนี้ และเจ้าหนี้ลงมติว่าไม่เห็นชอบให้ดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้อง ผู้คัดค้านจึงมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่าคำสั่งของผู้คัดค้านที่ไม่ดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินซึ่งผู้ร้องรับจำนองไว้ชอบหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 95 กำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจดูทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันเท่านั้น มิได้บังคับให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องดำเนินการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันให้แก่เจ้าหนี้มีประกันเสมอไป การตรวจดูทรัพย์สินตามมาตรา 95 นั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะกระทำด้วยการสอบสวนหรือขอมติที่ประชุมเจ้าหนี้ตามคำสั่งอธิบดีกรมบังคับคดีก็ได้ ถ้าปรากฏว่าทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันมีราคามากกว่าจำนวนหนี้ ราคาส่วนที่เหลือเกินจำนวนหนี้ย่อมเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะรวบรวมจัดการตามมาตรา 22 และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจขายตามวิธีที่สะดวกและเป็นผลดีที่สุดตามมาตรา 123 ในกรณีเช่นนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีหน้าที่ต้องดำเนินการยึดทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันออกขายตามคำร้องของเจ้าหนี้ จะสั่งงดดำเนินการและให้เจ้าหนี้ไปดำเนินการตามกฎหมายอื่นไม่ได้ แต่ถ้าปรากฎว่าจำนวนหนี้ท่วมราคาทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันและไม่มีกรณีต้องร้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลหรือการกระทำใดแล้ว ประกอบกับที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติไม่ประสงค์จะดำเนินการต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันเนื่องจากเห็นว่าจำนวนหนี้ค้างชำระท่วมราคาทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันการบังคับคดีต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันไม่มีประโยชน์ต่อกองทรัพย์สินของลูกหนี้อย่างใด ที่ผู้คัดค้านได้มีคำสั่งงดดำเนินการต่อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้นั้นจึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลทั้งสอง ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน