คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 844/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช็คขีดคร่อมจะใช้เงินตามเช็คนั้นได้แต่เฉพาะให้แก่ธนาคารเท่านั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 994 วรรคหนึ่ง ดังนี้ เมื่อเช็คพิพาทมีลักษณะพิเศษเช่นนั้น ธนาคารจำเลยที่ 6 ผู้รับเช็คมาเรียกเก็บเงินก็จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้สั่งจ่ายโดยเคร่งครัด กล่าวคือจะต้องเรียกเก็บเงินตามเช็คเพื่อเข้าบัญชีเงินฝากของบริษัท ท. หรือบริษัทจำเลยที่ 1 ผู้รับเงินตามเช็คเท่านั้น จะเรียกเก็บเงินให้แก่ธนาคารจำเลยที่ 6 เพื่อเข้าบัญชีบริษัท อ. ซึ่งเป็นบริษัทอื่นที่มิใช่ผู้รับเงินตามเช็คนั้นไม่ได้เพราะเป็นการปฏิบัติที่ผิดทั้งกฎหมายและระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย จำเลยที่ 6 จะอ้างเพียงว่ากรรมการบริหารของบริษัทจำเลยที่ 1 บริษัท ท. และบริษัท อ. เป็นกรรมการบริหารชุดเดียวกันจึงอนุโลมให้หาได้ไม่ ดังนั้น จึงต้องถือว่าธนาคารจำเลยที่ 6 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 และต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
แม้โจทก์ทั้งสองจะมิได้บรรยายฟ้องโดยใช้ข้อความว่าการที่ธนาคารจำเลยที่ 6 เรียกเก็บเงินตามเช็คเข้าบัญชีของบริษัท อ. ซึ่งเป็นบริษัทอื่น โดยไม่เรียกเก็บเงินเข้าบัญชีของบริษัท ท. หรือบริษัทจำเลยที่ 1 ผู้รับเงินตามที่ระบุในเช็คดังกล่าวเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง แต่การที่โจทก์ทั้งสองบรรยายฟ้องว่าธนาคารจำเลยที่ 6 บังอาจเรียกเก็บเงินตามเช็คขีดคร่อมซึ่งขีดฆ่าคำว่า “ผู้ถือ” ออกและกำหนดห้ามโอนเปลี่ยนมือไว้ตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 จนได้รับเงินไป การกระทำของจำเลยที่ 6 เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสอง ย่อมแปลความหมายได้ว่าการกระทำของธนาคารจำเลยที่ 6 เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของโจทก์ที่ 1 ผู้สั่งจ่ายเช็คเป็นเหตุให้เจ้าหนี้ของโจทก์ที่ 1 ไม่ได้รับเงินตามเช็คดังกล่าวและโจทก์ที่ 1 ต้องเสียหายเพราะโจทก์ที่ 1 ยังคงมีหน้าที่ต้องชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ของโจทก์ที่ 1 อันเป็นการจงใจทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 เป็นเหตุให้โจทก์ที่ 1 ต้องเสียหายแก่ทรัพย์สินแล้ว ข้อที่โจทก์ทั้งสองยกขึ้นอุทธรณ์และฎีกาว่าการกระทำดังกล่าวของธนาคารจำเลยที่ 6 เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง จึงเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสองจำนวนคนละ 119,700 บาท และดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องจำนวนคนละ 7,591.11 บาท รวมจำนวนคนละ 127,291.11 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 119,700 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง ให้จำเลยที่ 6 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ชำระเงินให้แก่โจทก์ทั้งสองจำนวน 119,700 บาท และดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องจำนวน 3,561.53 บาท รวมจำนวน 113,961.53 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 110,400 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 6 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 ร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสองจำนวนคนละ 119,700 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินและระยะเวลาเริ่มต้นไปจนถึงวันชำระเสร็จดังต่อไปนี้ ต้นเงินจำนวน 10,000 บาท นับแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2537 ต้นเงินจำนวน 20,000 บาท นับแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2538 ต้นเงินจำนวน 13,800 บาท นับแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2538 ต้นเงินจำนวน 20,700 บาท นับแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2538 ต้นเงินจำนวน 55,200 บาท นับแต่วันที่ 6 เมษายน 2539 แต่ดอกเบี้ยทั้งหมดรวมกันถึงวันฟ้อง (วันที่ 12 กันยายน 2539) ไม่เกินจำนวนคนละ 7,591.11 บาท ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 6
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสอง
โจทก์ทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริง

Share