คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796-797/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมยึดเมทแอมเฟตามีนจากสายลับและยึดธนบัตรจากจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขายเมทแอมเฟตามีนให้สายลับผู้ล่อซื้อ พยานโจทก์มิได้รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะที่มีการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนแต่ที่ทราบว่าจำเลยที่ 2 ร่วมขายด้วยก็เนื่องจากสายลับเป็นผู้บอกโจทก์มิได้นำสายลับมาเบิกความ คำเบิกความของพยานโจทก์จึงเป็นเพียงพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย ประกอบกับคำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลยที่ 2 เป็นพยานบอกเล่าซึ่งไม่มีรายละเอียดใด ๆ ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ที่ให้การว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ชวนจำเลยที่ 1 ไปเอาเมทแอมเฟตามีนมาขายเป็นพยานบอกเล่าซึ่งมีลักษณะเป็นคำซัดทอดในระหว่างผู้ต้องหาด้วยกัน พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิจารณาพิพากษารวมกันโดยเรียกจำเลยที่ 1 ในสำนวนแรกว่า จำเลยที่ 1 และเรียกจำเลยที่ 2 ในสำนวนแรกซึ่งเป็นจำเลยในสำนวนหลังเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องจากสำนวนแรกเป็นคดีใหม่ว่าจำเลยที่ 2

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องเฉพาะสำนวนแรก ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 13,89, 116 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข ส่วนธนบัตรของกลางคืนแก่เจ้าของ และนับโทษจำเลยที่ 1ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1168/2539 ของศาลจังหวัดขอนแก่นด้วย

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 จำคุกคนละ 10 ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุขธนบัตรของกลางคืนเจ้าของ นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1168/2539 ของศาลจังหวัดขอนแก่น

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสองได้ และยึดได้เมทแอมเฟตามีน 182 เม็ด ของกลางจากสายลับกับยึดได้ธนบัตร 10,000 บาท ของกลางจากจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ คดีคงมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดดังกล่าวกับจำเลยที่ 1 ด้วยหรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจโทรุ่งอนุรัตน์ ราชคาม กับสิบตำรวจตรีสมบูรณ์ เหล่าประเสริฐ เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมจำเลยทั้งสองเป็นพยาน แต่พยานโจทก์ทั้งสองนี้มิได้รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะที่มีการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกัน ที่ทราบว่าจำเลยที่ 2 ร่วมขายด้วยก็เนื่องจากสายลับเป็นผู้บอก เมื่อโจทก์มิได้นำสายลับมาเบิกความจึงทำให้จำเลยที่ 2 เสียเปรียบเพราะไม่มีโอกาสถามค้านพยานดังกล่าว เพื่อให้ข้อเท็จจริงกระจ่างชัดขึ้นได้ ดังนั้นคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองในส่วนนี้จึงเป็นเพียงพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อยธนบัตรและเมทแอมเฟตามีนของกลางก็มิได้ค้นได้จากจำเลยที่ 2 ส่วนคำรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลยที่ 2 นั้น นอกจากจะเป็นพยานบอกเล่าแล้ว ยังไม่มีรายละเอียดใด ๆ ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดด้วย จึงไม่มีน้ำหนักในการรับฟัง พยานหลักฐานของโจทก์นอกจากนี้คงมีเพียงคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ที่ให้การว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ชวนจำเลยที่ 1 ไปเอาเมทแอมเฟตามีนมาขายคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่าเช่นเดียวกัน ทั้งยังมีลักษณะเป็นคำซัดทอดในระหว่างผู้ต้องหาด้วยกันอีกด้วย จึงมีน้ำหนักน้อย ยิ่งกว่านั้นเมื่อจำเลยที่ 1 นำชี้ที่เกิดเหตุตามบันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพกลับปรากฏว่าจำเลยที่ 1 นำชี้จุดที่จำเลยที่ 2 นั่งผิงไฟซึ่งอยู่ห่างจากกระท่อมนาที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ซึ่งนอกจากจะขัดแย้งกับคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ที่ให้การว่า จำเลยทั้งสองอยู่ด้วยกันในขณะเกิดเหตุแล้ว ยังเจือสมข้อนำสืบของจำเลยที่ 2 ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ถูกจับกุมในกระท่อมนาที่เกิดเหตุพร้อมกับจำเลยที่ 1 แต่ถูกจับขณะนั่งผิงไฟอยู่กับนายไพบูลย์ที่หน้าบ้านของนายไพบูลย์อีกด้วยดังนี้ พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share