แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เงินดอกเบี้ยที่บริษัทคิด++ตามสัญญาแล้วลงบัญชี++เงินทุนของโจทก์นั้น++กลายเป็นทุนแล้ว ไม่+ดอกเบี้ย
ย่อยาว
โจทก์จำเลยพิพาทกันในเงิน ๔ ราย รวม ๙๗๕๘ บาท ๑๔ สตางค์ ซึ่งจำเลยเรียกเก็บภาษีโดยอ้างว่าเป็นดอกเบี้ยแต่โจทก์เถียงว่าไม่ต้องเสียภาษี เงินรายนี้โจทก์ได้รับจากบริษัทซึ่งเป็นนายจ้างเมื่อปี ๒๔๘๐ ตามสัญญาซึ่งได้ทำไว้กับบริษัทเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ ซึ่งคู่ความรับกันดังนี้คือ (๑) ในปีแรกบริษัทหักเอาเงินเดือนส่วน ๑ ของโจทก์มาลงในบัญชีทุก ๆเดือน (๒) ปลายปีแรกบริษัทคิดดอกเบี้ยให้ในเงินที่หักไว้ในข้อ ๑ แล้วลงบัญชีไว้ (๓) ปลายปีแรกบริษัทเอาเงินของบริษัทเองลงบัญชีเป็นส่วนได้ของโจทก์ (๔) ในปีที่ ๒ บริษัทหักเงินเดือนไว้เป็นเช่นเดียวกับปีแรก (๕) ปลายปีที่ ๒ บริษัทคิดดอกเบี้ยให้ในเงินทั้งหมดตามข้อ ๑, ๒, ๓, ๔, และลงบัญชีไว้อีกในนามของโจทก์และได้ปฏิบัติดังกล่าวแล้วทุก ๆ ปีตลอดมาสำหรับเงิน ๔ รายที่พิพาทกันนั้นเดิมเป็นดอกเบี้ยดังกล่าวแล้ว ตามข้อบังคับที่โจทก์ทำไว้กับบริษัทและความจริงบริษัทไม่เคยจ่ายเงินดอกเบี้ยดังกล่าวนั้นให้โจทก์เลย โจทก์พึ่งออกจากงานและบริษัทจ่ายเงินทั้งหมดให้โจทก์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๐
ศาลแพ่งเห็นว่า เงินรายพิพาทเป็นเงินดอกเบี้ย เพราะก่อนที่บริษัทจ่ายให้บริษัทจ่ายให้โจทก์จะถือว่าเป็นทุนไม่ได้ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์โดยวินิจฉัยว่าการที่บริษัทคิดเป็นค่าดอกเบี้ยแล้วเอามาลงไว้รวมเป็นทุนของโจทก์และในปีต่อ ๆ มาก็คิดดอกเบี้ยในเงินจำนวนนั้นทั้งหมดให้อีก ก็ถือได้ว่าเงินที่เป็นดอกเบี้ยมาแต่ก่อนนั้นกลายเป็นทุน โจทก์จึงไม่ต้องเสียภาษีเงินได้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี