แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กระทรวงเกษตราธิการได้สงวนหวงห้ามที่ดินพิพาทไว้ใช้ประโยชน์ในทางราชการตั้งแต่ปี2459เป็นต้นมาที่ดินพิพาทจึงตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1304(3)แม้กระทรวงเกษตราธิการและจำเลยที่1ยังมิได้รับใบไต่สวนและยังไม่ได้ออกโฉนดก็ไม่ทำให้สภาพที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่แล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปโจทก์ไม่อาจอ้างการครอบครองในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินยันจำเลยที่1ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1305
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น ผู้ครอบครอง ที่ดิน มือเปล่า ส.ค.1เลขที่ 86 ตำบล บ้านพริก อำเภอบ้านนา จังหวัด นครนายก เนื้อที่ 109 ไร่ 2 งาน 68 ตารางวา เมื่อ ประมาณ กลาง ปี 2528 โจทก์ ยื่นเรื่องราว ต่อ จำเลย ที่ 4 เจ้าพนักงาน ที่ดิน จังหวัด นครนายก เพื่อ รังวัดออก โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว แก่ โจทก์ จำเลย ที่ 1 ถึง ที่ 3 โต้แย้ง คัดค้านการ รังวัด โดย อ้างว่า โจทก์ นำ รังวัด ปัก หลักเขต เพื่อ ออก โฉนด ที่ดินทับ ที่ดิน หลวง หวงห้าม ไว้ ขอให้ บังคับ จำเลย ที่ 1 ถึง ที่ 3ถอน คำคัดค้าน การ ออก โฉนด ที่ดิน ของ โจทก์ และ ห้าม เกี่ยวข้อง กับที่ดินพิพาท ให้ จำเลย ที่ 4 ดำเนินการ ออก โฉนด ที่ดินพิพาท ให้ แก่ โจทก์
จำเลย ทั้ง สี่ ให้การ ทำนอง เดียว กัน ว่า ที่ดินพิพาท เป็น ส่วน หนึ่งของ ที่ดิน สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่ง ทางราชการ โดยกระทรวง เกษตราธิการ ได้ สงวน หวงห้าม ไว้ ใช้ เพื่อ ประโยชน์ ร่วมกันและ เพื่อ ประโยชน์ ของ ทางราชการ มา ตั้งแต่ ปี 2466 โจทก์ ไม่อาจ อ้างการ ครอบครอง ที่ดินพิพาท ซึ่ง เป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ ย่อมไม่มี สิทธิ ใด ๆ ไม่มี อำนาจฟ้อง ขอให้ ยกฟ้อง
ระหว่าง พิจารณา จำเลย ที่ 3 ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้น มี คำสั่งให้ จำหน่ายคดี เฉพาะ จำเลย ที่ 3 ออกจาก สารบบความ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ข้อกฎหมาย ว่า ข้อเท็จจริง จึง ฟังได้ ว่ากระทรวง เกษตราธิการ ได้ สงวน หวงห้าม ที่ดิน แปลง ดังกล่าว ไว้ ใช้ ประโยชน์ใน ทางราชการ ตั้งแต่ ปี 2459 เป็นต้น มา ที่ดิน แปลง ดังกล่าว ซึ่ง รวมที่ดินพิพาท จึง ตกเป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเภท ทรัพย์สินใช้ เพื่อ ประโยชน์ ของ แผ่นดิน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304(3) ตั้งแต่ บัดนั้น ส่วน ที่ โจทก์ ฎีกา อ้างว่ากระทรวง เกษตราธิการ ยัง ไม่ได้ รับ ใบ ไต่สวน ของ ที่ดิน ดังกล่าว ไป และจำเลย ที่ 1 ยัง ไม่ได้ ออก โฉนด ใน ที่ดินพิพาท จำเลย ที่ 1 จึง ยัง ไม่ได้กรรมสิทธิ์ นั้น เห็นว่า แม้ กระทรวง เกษตราธิการ และ จำเลย ที่ 1ยัง มิได้ รับ ใบ ไต่สวน และ ยัง ไม่ได้ ออก โฉนด แต่ กระทรวง เกษตราธิการได้ สงวน หวงห้าม ที่ดิน แปลง ดังกล่าว ตาม ใบ ไต่สวน แล้ว และ แม้ ที่ดินพิพาทไม่มี หนังสือสำคัญ แสดง กรรมสิทธิ์ ก็ ไม่ทำ ให้ สภาพ ที่ดิน ซึ่ง เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน อยู่ แล้ว นั้น เปลี่ยนแปลง ไป โจทก์ ไม่อาจอ้าง การ ครอบครอง ใน ที่ สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ยัน จำเลย ที่ 1 ได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305
พิพากษายืน